การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ ” มิกซ์ยูส “ มีให้เห็นกันมากขึ้น โดยเฉพาะโปรเจกต์ขนาดใหญ่จะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดในปี 2562 เป็นต้นไป โดยทำเลที่ถูกจับตามอง คือ ถนนพระราม 4 เนื่องจากมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นโครงการวัน แบงค็อก โครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มดุสิตธานีและเครือเซ็นทรัล ซึ่งก็รวมไปถึงโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ที่ถือฤกษ์ดีกำหนดเปิดให้บริการในเดือน ก.ย. 2562 เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมที่วางไว้ในเดือน ต.ค. 2562
โกลเด้นแลนด์ รับอานิสงส์รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ลุยเปิด มิกซ์ยูส มูลค่ากว่า 9,000 ล้าน เจาะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของโครงการมิกซ์ยูสในช่วง 2-3 ปีจากนี้จะทำให้ตลาดเกิดการแข่งขัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่โปรเจกต์ที่นำเสนอว่าจะสามารถชูจุดเด่นและความแตกต่างตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ในส่วนของสามย่านมิตรทาวน์ โครงการมิกซ์ยูสสมบูรณ์แบบแห่งแรกบนถนนพระราม 4 มูลค่าการลงทุนมากกว่า 9,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 13 ไร่ พื้นที่รวมประมาณ 2.22 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งมีทั้งพื้นที่ ค้าปลีก ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน
ทั้งนี้ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่ชัดเจนซึ่ง จะมีการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ภายในโครงการทำให้เป็นมากกว่า โครงการลักซ์ชัวรี่ทั่วไป แต่จะเป็นการสร้างชุมชนสามย่านที่มีความทันสมัยและยังเป็นคลังแห่งอาหารและการเรียนรู้อีกด้วย
สำหรับทำเลย่านพระราม 4 กำลังเป็นที่จับตามมอง เนื่องจากการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐและเอกชน การลงทุนด้านระบบคมนาคม ซึ่งสามย่านมิตรทาวน์จะเป็นโครงการแรกๆ ที่สร้างสีสันให้กับพระราม 4 นี้ให้มีชีวิตชีวามากขึ้น และจะปลุกให้ย่านนี้กลายเป็นถนนเส้นเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ด้วยจำนวนคนที่ทำงานและที่อยู่ในโซนนี้เกือบ 4 แสนคน อีกทั้งเป็นแหล่งการศึกษาที่มีนักเรียนและนิสิตนักศึกษามากกว่า 6 หมื่นคน
ธนพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในโครงการจะแบ่งเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซนรีเทล พัฒนาภายใต้แนวคิด Urban Life Library หรือ “คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้” ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ทำงาน กิน พักผ่อน และเรียนรู้ อาคารสูง 6 ชั้น พื้นที่ให้เช่ากว่า 3.6 หมื่น ตร.ม. หรือคิดเป็น 30% ของโครงการซึ่งมีพื้นที่ร้านค้าตั้งแต่ชั้น B1-4 และชั้น 5 เป็นพื้นที่ฮอลล์อเนกประสงค์รวมทั้งสวนดาดฟ้าขนาดใหญ่
ขณะที่สามย่านมิตรทาวน์ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับการค้าปลีกยุค 4.0 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วย 8 ไฮไลต์ ที่จะเข้ามาเติมเต็มไม่ว่าจะเป็น โซนพิเศษที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ โคเลิร์นนิ่งสเปซพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร คาเฟ่ พื้นที่ราว 5,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมอุปกรณ์ศิลปะ การเรียน งานฝีมือที่ครบครันที่สุดในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารดัง ของสามย่าน รวมไปถึงพื้นที่สำหรับ การจัดงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต และการประชุมต่างๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นอย่างครบครัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโซนอาคารสำนักงานมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ Intelligent Office Tower พัฒนาในรูปแบบอาคารสำนักงานเกรดเอ สูง 31 ชั้น พื้นที่เช่ารวม 4.8 หมื่น ตร.ม. หรือคิดเป็น 30% ของโครงการ โดย จัสท์โค (JustCo) ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซเช่าพื้นที่ราว 8,000 ตร.ม.
ทั้งนี้การพัฒนาจะเป็นอาคารอัจฉริยะมีการเชื่อมโยงของระบบภายในอาคารเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ขณะนี้มีผู้เช่าแล้ว 33% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 1,000 บาท/ตร.ม. ในส่วนโซนที่พักอาศัย Neo Explorer Living Platform พัฒนาในรูปแบบโรงแรมและคอนโดมิเนียมเป็นอาคารสูง 33 ชั้น หรือราว 15% ของโครงการ มีจำนวนคอนโด 516 ยูนิต ซึ้งจะเปิดขายในเดือน เม.ย. 2562 ขนาดห้อง 30 ตร.ม. โดยราคาขายต่ำกว่าคอนโดฟรีโฮลด์ 30-40% สัญญาเช่า 30 ปีและโรงแรม 104 ห้อง อัตราค่าเช่า 2,500 บาท/คืน
“พื้นที่ค้าปลีกของสามย่านมิตรทาวน์จะช่วยตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งส่วนอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และโรงแรม กว่า 7,000 คน เมื่อมีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ รวมทั้งรองรับลูกค้าจากภายนอกที่มาใช้บริการซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้ใช้กว่า 7.5 แสนคน/เดือน” ธนพล กล่าว
ด้านแผนการทำตลาดในช่วง 1 ปีนี้เตรียมงบไว้กว่า 200 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมต่อเนื่องรวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งได้มีการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อ ทำทางเชื่อมตรงจากรถไฟฟ้าใต้ดิน เอ็มอาร์ทีเข้าสู่ตัวโครงการบริเวณชั้นใต้ดิน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการ
อย่างไรก็ดี จากแผนการเปิดโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งกำหนดเปิดให้บริการในปี 2562 จะช่วยเพิ่มศักยภาพทำเลพระราม 4 รวมทั้งผลักดันให้ธุรกิจต่างๆ และที่อยู่อาศัยให้มีการเติบโตอย่างมาก สำหรับราคาที่ดินในทำเลสามย่านพระราม 4 ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบันเติบโตเฉลี่ย 8.9% ต่อปี
ส่วนคอนโดราคาขายปัจจุบันเฉลี่ยมากกว่า 2.5 แสนบาท/ตร.ม. ด้วยราคาที่ดินในพื้นที่ใจกลางเมืองที่สูงและหายาก ฉะนั้นการซื้อ อสังหาฯ ในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว จึงเป็นที่สนใจของผู้ซื้อในยุคนี้และต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์