มีข่าวแจ้งมากจาก พฤกษาเรียลเอสเตส บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของบ้านเรา โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตอนนนี้บริษัทชะลออการลงทุนโครงการใหม่ๆในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม มัลดีฟ อินโดนีเซีย อินเดีย เพราะสาเหตุหลักคืออัตราแลกเปลี่ยน และ อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ทางบริษัทต้องชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยคาดว่าจะเหลือการลงทุนเพียงโครงการเดียวที่บังกะลอร์ ในอินเดีย ส่วนที่มัลดีฟที่มีความคืบหน้าไปบ้างแล้วนั้น มีแนวโน้มว่าจะขายต่อเพื่อให้นักลงทุนรายอื่นเข้ามาซื้อและดำเนินการต่อ
ส่วนแผนการดำเนินการในอนาคตนั้น คาดว่าจะหันกลับมาลงทุนภายในประเทศมากขึ้นโดยเน้นทางหัวเมือง หรือ ต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อรองรับกับการเปิด AEC อีกทั้งยอดรายได้โครงการต่างจังหวัดที่ทำอยู่นั้นสร้างรายได้ให้บริษัทอยู่ที่ประมาณ 5-7 % จากยอดรวม จึงมีความคิดว่าน่าจะโตได้มากกว่านี้และ ควรที่จะลงทุนในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น และ มีโครงการใหม่ๆ ตามชานเมือง มาทดแทนที่ทางบริษัทไม่ได้ลงทุนในต่างประเทศ โดยหันมารุกตลาดล่างอย่างคอนโดราคาถูกไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีความต้องการจากผู้บริโภคอยู่ ซึ่งทางบริษัทนั้นมีทีมงานที่มีศักยภาพ สามารถบริหารได้ อย่างเช่นการพัฒนาโครงการ พลัมคอนโดพาร์ครังสิต ที่เปิดขายในราคาไม่เกิน 7 แสนบาทสำหรับราคาเริ่มต้น ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี และ ทำเลรังสิตเองก็ยังพัฒนาได้อีกด้วย
จากการเปิดเผยออกมานี้ ทำให้มองได้ว่า พฤกษา เองนั้นอาจไม่ประสบผลสำเร็จจากการลงทุนในต่างประเทศ เพราะสภาวะผันผวนทางการเงิน และ เศรษฐกิจ เพราะต้องอาศัยอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละประเทศ ซึ่งทำให้ค่าเงินไม่นิ่ง และ การลงทุนนั้นไม่สามารถกำหนดงบประมาณได้แน่นอน ดูแล้วมีความเสี่ยงสูง และ แต่ละประเทศที่เลือกไปลงทุนนั้น ก็ยังมีความไม่แน่นอนในหลายๆด้าน อีกทั้งมีคู่แข่งจากต่างประเทศค่อนข้างมาก มีกลุ่มทุนที่เข้าไปลงทุนอสังหาฯที่หลากหลาย ดังนั้นการถอยออกมาจะทำให้ทาง พฤกษา ไม่เสี่ยงกับการขาดทุนไปมากกว่านี้ และ นำเม็ดเงินมาลงทุนในบ้านเราจะดีกว่า เพราะแบรนด์ของพฤกษาที่มีทั่วประเทศนั้นสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้ามานาน มีความหลากหลายของโครงการทั้งตลาดบน และ ตลาดล่าง จึงน่าจะคุ้มทุนกว่า เพราะผลประกอบการที่ผ่านๆมา พฤกษา สามารถทำยอดขายได้สูง เรียกได้ว่าติดอันดับหนึ่ง หรือ อันดับต้นๆของบริษัทอสังหาฯที่ทำกำไรได้สูงสุดของปี และ ของไทย มาโดยตลอด ดังนั้นหากลงทุนในประเทศย่อมทำกำไรได้ดีกว่า หรือ อาจรออีกสักระยะ ให้มีการเปิด AEC แล้วค่อยเล็งหาประเทศที่มีควยามน่าสนใจ พร้อมทั้งสภาวะการเงินต่างๆในแถบนี้มั่นคง ไม่ผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจโลก ค่อยหันกลับไปลงทุนก็น่าจะทำกำไรได้
ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]