ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาแนวโน้มการเติมโตของตลาดอสังหาฯ ได้มีทิศทางปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากเนื่องจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด 19 ซึ่งส่งผลต่อสภาพคล่องของกลุ่มผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ซื้ออสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัยจริง หรือผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุนที่ล้วนแล้วแต่ชะลอการซื้อโครงการที่ตนเองสนใจทั้งสิ้น ซึ่งในปี 2564 นี้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจตลาดอสังหาฯ และเปิดเผยถึงแนวโน้มความเป็นไปได้และความน่าสนใจของตลาดอสังหาฯ ในปี 2564 ว่าจะเป็นปีที่โครงการบ้านเดี่ยวไม่เกิน 5 ล้าน ยังคงมีแนวโน้มดีมานด์ต่อเนื่องมาจากในปี 2563 ในขณะที่โครงการทาวน์โฮมไม่เกิน 3 ล้านจะตอบโจทย์กำลังการซื้อของผู้บริโภคกลุ่มเรียลดีมานด์มากขึ้น
พลัสฯ ชี้โครงการบ้านเดี่ยวไม่เกิน 5 ล้านและทาวน์โฮมไม่เกิน 3 ล้านยังได้ไปต่อ
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 จะยังคงมีทิศทางไม่แตกต่างจากปลายปี 2563 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการต้องพึ่งพากำลังซื้อภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่ากลยุทธ์ด้านการลดราคาที่อยู่อาศัยจะยังถูกนำมาใช้ต่อไป และผู้ประกอบการจะหันมาพัฒนาโครงการที่ลูกค้าสามารถซื้อได้เฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพเท่านั้น โดยในส่วนของที่อยู่อาศัยที่ขับเคลื่อนตลาดยังคงเป็นตลาดแนวราบที่ตอบโจทย์กลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แม้ว่ากำลังซื้อเหล่านี้จะมีอย่างจำกัดแต่หากมีแรงกระตุ้นจากปัจจัยดอกเบี้ยและราคาที่อยู่ในระดับต่ำก็จะเป็นแรงจูงใจให้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้ในช่วงนี้
ในส่วนของตลาดบ้านเดี่ยวนั้น ปี 2564 ตลาดบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท จะเป็นระดับราคาที่มีสัดส่วนสูงที่สุด ทั้งนี้ในครึ่งปีหลัง 2563 ทำเลที่มีโครงการบ้านเดี่ยวไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่เปิดขายอยู่ในตลาดคือทำเลปทุมธานี-ลำลูกกา และบางบัวทอง สำหรับระดับราคาใกล้เคียงบ้านเดี่ยวไม่เกิน 5 ล้าน ในช่วง 5-7 ล้านบาท มีเปิดขายอยู่ที่ทำเลปทุมธานี-ลำลูกกาและทำเลบึงกุ่ม-คลองสามวา ส่วนระดับราคา 7-10 ล้านบาท พบที่ทำเลจตุจักร-ลาดพร้าว, ลาดกระบัง-มีนบุรี, ปากเกร็ด และบางกรวย ส่วนราคา 10 ล้านบาท พบในพื้นที่ ตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา, บางแค, ศาลายา-บางใหญ่, สุวรรณภูมิ-บางเสาธง ซึ่งพบว่าครึ่งหลังปี 2563 บ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท มีอุปทานขยายตัวมากที่สุด ขณะที่ระดับราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทอุปทานเปิดใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก 2563
สำหรับตลาดทาวน์โฮม จะยังคงมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิด New Normal ที่มีความต้องการพื้นที่ใช้สอยในที่อยู่อาศัย เพื่อการทำกิจกรรมที่บ้านมากขึ้นและการ work from home ทำให้ผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเริ่มทำงานหันไปซื้อทาวน์โฮมแทนคอนโดมิเนียม เนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าในระดับราคาที่เปรียบเทียบกันได้ อีกทั้งระดับราคาของทาวน์โฮมยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวในทำเลเดียวกัน อีกทั้งทำเลที่ตั้งของทาวน์โฮมส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้เมืองมากกว่าบ้านเดี่ยว
สรุปได้ว่าทาวน์โฮมไม่เกิน 3 ล้านบาทยังคงเป็นอุปทานหลักในตลาด ซึ่งทำเลที่ยังพบการเปิดขายในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท นั้น ได้แก่ ปทุมธานี-ลำลูกกา, กระทุ่มแบน-สามพราน ส่วนระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท พบในทำเลบางแค-บางบอน-ราชพฤกษ์, ดอนเมือง-สายไหม ระดับราคา 5-7 ล้านบาท พบที่ทำเลอ่อนนุช-บางนา และระดับราคามากกว่า 7 ล้านบาทพบที่ทำเลจตุจักร-ลาดพร้าว
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งโครงการบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านและโครงการทาวน์โฮมไม่เกิน 3 ล้าน จะมีบทบาทมากขึ้นในปี 2564 นี้ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีอย่างมากต่อผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เพราะการที่ผู้พัฒนาเจ้าต่าง ๆ ได้ลงมาเล่นในตลาดบ้านเดี่ยวไม่เกิน 5 ล้านและทาวน์โฮมไม่เกิน 3 ล้านมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคได้มีตัวเลือกที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง
https://www.ryt9.com/s/prg/3187166
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/914456