แหล่งข่าวได้รับการเปิดเผยจาก กระทรวงคมนาคมว่า มีแนวโน้มในการจัดสรรพื้นที่ย่านพหลโยธิน ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่าง การรถไฟ และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งแนวโน้มนั้นคาดว่าจะมีการย้ายสถานีขนส่ง หมอชิต 2 และ อู่รถ ขสมก. เพื่อนำพื้นที่จัดทำสถานีรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง พร้อมทั้งทำโรงซ่อมและจุดพักรถไฟชานเมืองสายสีแดง ซึ่งแหล่งข่าวได้รับการเปิดเผยจาก
นายนเรศ บุญเปี่ยม รักษาการผู้อำนวยการขสมก.กล่าวว่า ได้รับงบประมาณ 89.9 ล้านบาทในปี 58 และปี 59สำหรับการย้ายออกจากหมอชิต 2 ไปบริเวณทิศใต้ของสถานีกลางบางซื่อ หรือใกล้สวนรถไฟ ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้จัดพื้นที่ให้ ขสมก.ก่อสร้างอู่จอดรถ 9 ไร่ โดยจะประกวดราคาหาผู้รับจ้างออกแบบภายในเดือน ก.ย.57 คาดจะเสร็จใน 6 เดือน จากนั้นเดือน มี.ค.58 จะประกาศประกวดราคาหาผู้รับเหมาก่อสร้างอู่จอดรถ คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมี.ค.59 ในส่วนการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ส่วนสถานที่ก่อสร้างอู่จอดรถเมล์เอ็นจีวีใหม่นั้น ได้ติดต่อขอใช้พื้นที่หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจไว้แล้ว จะไม่เช่าพื้นที่เอกชน เพื่อลดรายจ่าย ขสมก. และ ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส.กล่าวว่า เมื่อเดือนมิ.ย.57 บขส.ได้เสนอผลการศึกษาโครงการย้ายหมอชิต2 ให้พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาอนุมัติจากคสช.หากเห็นชอบแล้ว บขส.จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมเสนอที่ดินในการก่อสร้างภายใน 1 สัปดาห์หรือในเดือนส.ค.นี้ คากว่าจะใช้เวลาออกแบบและก่อสร้างจนเปิดให้บริการได้ใน 3 ปี สำหรับโครงการนี้คาดจะใช้พื้นที่ก่อสร้างรวม 150 ไร่ มูลค่าโครงการนี้คาดจะใช้พื้นที่ก่อสร้างรวม 150 ไร่ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท(เฉลี่ยไร่ละ 10 ล้านบาท)และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 3,500 ล้านบาท
ซึ่งจากการเปิดเผยข้อมูลต่างๆนี้ คาดว่าภาคอสังหาฯจะได้รับอานิสงห์จากการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงอย่างแน่นอน เพราะราคาที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟจะมีราคาสูงขึ้น แม้ว่าจะเป็นรถไฟชานเมืองแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีความสำคัญ เพราะการคมนาคมในกรุงเทพนั้นมีปัญหาสะสมมานาน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมแบบไหนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ดีขึ้นย่อมมีความสำคัญทั้งหมด และ สภาพเมืองที่แออัดอย่างในปัจจุบัน ความต้องการที่ดินในการขยายโครงการที่อยู่อาศัยออกไปยังชานเมืองก็มีความต้องการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตาแนวรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ ตามแนวถนนตัดใหม่ หรือ แม้แต่บริเวณที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางต่างๆได้สะดวก ก็จะเห็นว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยเข้าไปจับจองพื้นที่ขึ้นโครงการแทบทั้งสิ้นไม่เว้นแม้แต่ตามซอยเล็กซอยใหญ่ ที่สามารถเชื่อมต่อมายังถนนสายหลักได้
ในอนาคตข้างหน้าหากมีการเริ่มก่อสร้าง เริ่มการขนย้ายไปยังที่แห่งใหม่ เชื่อแน่ว่าในบริเวณนั้นๆก็จะคึกคัก เพราะจะมีการเข้าไปในพื้นที่ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการค้าขาย ก็จะทำให้เศรษฐกิจคึกคักตามไปด้วย วงการก่อสร้างก็น่าจะกลับมาคึกคัก แรงงานต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากโครงการนี้ไม่มีการติดขัดจนต้องยุติโครงการ เชื่อว่าจะเป็นอีกโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจในทุกๆภาคส่วนของบ้านเราได้อย่างแน่นอน
ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ PR@Thailand-Property.com