รัฐบาลประยุทธ์ ยกแรก(คณะรัฐมนตรีคณะที่ 61) ที่เรียกได้ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีไทย คณะแรกที่ยาวนานที่สุดในบรรดาคณะรัฐมนตรีไทย ที่อยู่เกิน 4 ปี ในรอบ 13 ปี นับจาก คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 54 (ยุค ทักษิณ ชินวัตร)
โดยในวันนี้เราจะมาทำการผ่าผลงาน ยกประมาณในการอนุมัติลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในภาคคมนาคมของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 1 ที่ผ่านกับลงเงินลงทุนสูงถึง 1.47 ล้านล้าน ว่ามีโครงการอะไรบ้างและส่งผลกระทบอะไรบ้างในภาคอสังหาริมทรัพย์
ผ่าผลงานรัฐบาลประยุทธ์ยกแรก ตอน รถไฟฟ้าหลายสีเพื่อประชาชนที่รัก กับงบลงทุน4แสนล้าน
จากผลสำรวจทาง ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายขนส่งและโลจิสติสก์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ได้มาเปิดเผยว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของรัฐบาลประยุทธ์ 1 ขับเคลื่อนโครงการตามแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (พ.ศ. 2558-2565) วงเงิน 3 ล้านล้านบาท โดยเป็นการนำโครงการใน พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาปรับปรุงเพิ่มเติม โดยรัฐบาลประยุทธ์1 นั้นมีข้อดีคือเป็นรัฐบาลชุดที่มีอำนาจโดยตรงสำหรับเซ็นผ่านโครงการต่างๆได้แบบง่ายดายถึงแม้ว่าโครงการนั้นๆจะใช้เม็ดเงินลงทุนมากขนาดไหนก็ตาม โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าหลายสีกว่า 10 สายที่เวลานี้ได้อนุมัติไปแล้ว 5 เส้นทางต่อจากของเดิมที่มีการก่อสร้างอยู่แล้วโดยทางรัฐบาลได้ตั้งข้อกำหนดให้ทุกๆปีจะต้องมีอย่างน้อย 1 สายรถไฟฟ้าใหม่ต้องพร้อมเปิดให้บริการ โดยใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 456,019.97 ล้านบาท โดยสามารถเรียงงบประมาณแต่ละสถานีจากมากไปน้อยได้ดังนี้
- สายสีส้ม งบประมาณทั้งหมด 109,540 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ความคืบหน้าโครงการประมาณ 39% (คาดว่าเปิดใช้ปี 2566)
- สายสีม่วง งบประมาณทั้งหมด 101,112 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงเตาปูน-ราษฏร์บูรณะ ความคืบหน้าโครงการประมาณ 39% (คาดว่าเปิดใช้ปี 2567)
- สายสีส้มตะวันตก งบประมาณทั้งหมด 67,039 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ (คาดว่าเปิดใช้ปี 2568)
- สายสีแดง งบประมาณทั้งหมด 44,158 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงรังสิต-มธ.ศูนย์รังสิต-ตลิ่งชัน-ศิริราช -ศาลายา (คาดว่าเปิดใช้ปี 2565)
- สายสีเขียวเข้ม งบประมาณทั้งหมด 37,729 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (สถานีหมอชิต-ห้าแยกลาดพร้าวเปิด 11 สิงหาคมนี้แะลส่วนที่เหลือคาดว่าเปิดใช้ปลายปี 2563)
- สายสีน้ำเงิน งบประมาณทั้งหมด 25,310.005 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงหัวลำโพง-บางแค่ (คาดว่าเปิดใช้ปลายปี 2562) และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ (คาดว่าเปิดใช้ ปี 2563)
- สายสีเหลือ งบประมาณทั้งหมด 23,206 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงลาดพร้าว-สำโรง (คาดว่าเปิดใช้ปี 2564)
- สายสีชมพู งบประมาณทั้งหมด 21,381 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงแคราย-มีนบุรี (คาดว่าเปิดใช้ปี 2564)
- สายสีเขียวเข้ม งบประมาณทั้งหมด 14,320.74 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (เปิดใช้แล้วถึงแคหะ)
- สายสีม่วง งบประมาณทั้งหมด 12,224.22 ล้านบาท จะอยู่ในช่วงบางใหม่-บางชื่อ (เปิดใช้แล้ว)
สำหรับท่านที่ต้องการจะทำการอ่านข้อมูลข่าวสารรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอ่านต่อได้ที่ อัพเดท รถไฟฟ้าใหม่ 10 สาย พลิกโฉมประเทศไทย
ผลกระทบอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์
แน่นอนว่าการมาถึงของเหล่าโครงการรถไฟฟ้า ในทุกๆสีส่งผลให้ที่ดินทุกๆพื้นที่ ที่รถไฟฟ้าผ่านมีอัตราขึ้นกันแบบก้าวกระโดดยิ่งโครงการไหนใกล้เปิดใช้ยิ่งราคาแพง นั้นก็เพราะว่า นักพัฒนาที่ดินที่มองเห็นว่ารถไฟฟ้ากับการพัฒนาที่ดิน จะได้กำไรและประโยชน์อย่างมหาศาลที่คืนทุนในเวลาอันใกล้แต่หากมองลึกลงไป รถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางนั้นคนที่ใช้บริการอาจจะเยอะไม่เท่าสายหลักเพราะบางเส้นใช้เพื่อเดินทางในเมือง บางเส้นเดินทางออกเข้าเมืองและบางเส้นเพื่อเดินทางออกไปต่างประเทศ ทำให้เมื่อโครงการทั้งหมดเสร็จราคาที่ดินและศักยภาพที่ดินแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าภาพรวมระยะทางรถไฟฟ้ามีระยะทาง500 กิโลเมตร ก็ตามแต่อย่างลืมนะว่า แต่ละพื้นที่อาจจะได้รับความนิยมไม่เท่ากัน ทั้งกลุ่มนักพัฒนาที่ดินที่อนาคตโครงการอาจจะขายออกไม่หมดหรือกลุ่มนักลงทุนที่ดินหากซื้อที่ดินผิดสถานี ผิดเวลา ก็เจ๊งได้เหมือนกัน
รัฐเตรียมเดินเครื่อง เวนคืนที่ดิน 1.7 หมื่นไร่ “บ้านธิ-โคกกลอย-บางเลน” พร้อมลุยสนามบินเชียงใหม่-ภูเก็ต