ถ้าการ”รีไฟแนนซ์” (Refinance) คือการเปลี่ยนสำนักผ่อนเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยการผ่อนให้น้อยลง
การ “รีเทนชั่น” (Retention) ก็ลดได้ไม่แพ้กัน แถมไม่ต้องวุ่นวายหาแบงก์สำนักใหม่ให้เพลียร่างอีกด้วยล่ะค่ะ
เพราะ การ “รีเทนชั่น” ก็คือ การขอเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิมนั่นเอง
ทีนี้เราลองมาเปรียบเทียบดูกันถึงข้อแตกต่างระหว่างการรีเทนชั่นกับรีไฟแนนซ์ มาดูกันสิว่า…แบบไหนจะให้ความคุ้มค่ากับเราได้มากที่สุด
รีเทนชั่น (Retention)
1. ไม่ต้องยุ่งยากเตรียมเอกสารมาก เนื่องจากธนาคารมีฐานข้อมูลของลูกค้าอยู่แล้ว
2. ระยะการพิจารณาอนุมัติไม่นาน กู้รู้ผล
3. ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมมาก
4. อัตราดอกเบี้ยลดลงไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 0.25-0.50% (ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้)
5. ต้องผ่อนค่างวดไปแล้วอย่างน้อย 3 ปีก่อถึงจะทำการรีเทนชั่นได้
รีไฟแนนซ์ (Refinance)
1. เริ่มยื่นเอกสารและทำการพิจารณาการกู้ใหม่
2. ใช้เวลาพิจารณาเช่นเดียวกับการขอยื่นกู้ใหม่
3. เสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเหมือนกับว่าเพิ่งทำการกู้ใหม่
4. มีอัตราดอกเบี้ยให้เลือกหลายหลายกว่า เนื่องจากเราสามารถเปรียบเทียบก่อนกู้ได้
5. ต้องผ่อนค่างวดไปแล้วอย่างน้อย 3 ปี ถึงจะทำการรีไฟแนนซ์ได้
รู้อย่างนี้แล้ว คุณก็อาจขอคำแนะนำและปรึกษากับธนาคารที่กู้อยู่เดิมก่อนเพื่อขอเปรียบเทียบดอกเบี้ยของการรีเทนชั่น ถ้าไม่พอใจ ก็ค่อยเปลี่ยนไปรีไฟแนนซ์กับสังกัดที่ให้ดอกเบี้ยที่คุณพอใจมากกว่าก็ยังไม่สายค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก เจ้าหน้าที่ซุปเปอร์ไวเซอร์ธุรกิจสินเชื่อ คุณบรรเจิด ภู่ผกาพันธ์พงษ์
สอบถามข้อมูลด้านสินเชื่ออื่นๆได้ที่ [email protected]