DotProperty.co.th

ลุ้นภาษีที่ดินฯจูงใจแลนด์ลอร์ด พัฒนาที่ดินดันตลาดวัสดุโต5%

ผลิตภัณฑ์ตราเพชร คาด ลุ้นภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง กระตุ้นแลนด์ลอร์ด งัดกรุ ที่ดินพัฒนาโครงการอสังหาฯรูปแบบ ต่างๆ ปัจจัยบวกบูมตลาดวัสดุก่อสร้าง โต แต่ดีสุดไม่เกิน 5% ตามเศรษฐกิจ ไทยยังชะลอตัว เผยเทรนด์ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านมาแรง หนุนสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบาโตเด่น

ลุ้นภาษีที่ดิน จูงใจแลนด์ลอร์ด พัฒนาที่ดินดันตลาดวัสดุโต5%

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทผลิตภัณฑ์ ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือDRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า แนวโน้ม ตลาด วัสดุก่อสร้าง ปี 2563 คาดว่าจะ เติบโตใกล้เคียงกับภาพรวมเศรษฐกิจ (จีดีพี)ในระดับไม่เกิน 5% ทั้งนี้ ตลาดมีปัจจัยบวกจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในปีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินนำที่ดินเปล่ามาใช้ประโยชน์เพื่อลดภาระจ่ายภาษี ด้วยการพัฒนาโครงการต่างๆมากขึ้น เช่น นำมาปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือลงทุนก่อสร้างร้านค้าเพื่อค้าขาย จากเดิมเก็บสะสมไว้ ซึ่งจะส่งผลดี ต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นขณะเดียวกันมองความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น จากการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าไปใช้เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40% ของมูลค่าตลาดรวมวัสดุก่อสร้างทั้งหมด เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนยอดขายสินค้าเพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เพื่อการก่อสร้างบ้านใหม่อยู่ที่ 70-80%

 

ตอบสนองไลฟ์สไตล์ ผู้บริโภค

นอกจากนี้ ปัจจัยการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานของผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งภายในและภายนอกมี ฟังก์ชั่นการใช้งานให้เลือกหลายแบบ ยังสามารถตอบ สนอง ไลฟ์สไตล์ ผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย ส่งผล ให้เจ้าของบ้านเลือกปรับปรุงและต่อเติมบ้านเพื่อรองรับการ ขยับขยายที่อยู่อาศัย สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำ ได้เดินหน้า ขยายสาขาต่อเนื่องรองรับดีมานด์ที่ขยายตัว ส่งผลดีต่อการเพิ่มโอกาส ในการจำหน่ายสินค้าแก่ผู้ผลิต (ซัพพลายเออร์) สามารถเข้าถึง ผู้บริโภคครอบคลุมพื้นที่ต่าง ทั่วประเทศมากขึ้น ส่วนแนวโน้มของกลุ่มลูกค้าโครงการในปี 2563 คาดว่าจะมีความต้องการใช้สินค้าและบริการติดตั้งเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นจากการนำวัสดุทดแทนไม้ไปใช้ตกแต่งที่อยู่อาศัยได้อย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับอิฐมวลเบาที่ถูกนำมาใช้ทดแทนอิฐมอญช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้าง และสามารถนำไปใช้งานในส่วนอื่นๆ อาทิ เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ