จากการสำรวจบิ๊กแบรนทั้ง 8 รายซึ่งได้แก่ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ แสนสิริ ควอลิตี้ เฮ้าส์ ศุภาลัย พฤกษา เรียลเอสเตท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เสนาดีเวลลอปเม้นท์ และ บจ.แกรนด์ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ นั้นพบว่ามีสต๊อกรวมกันกว่า 8.4 พันยูนิต มูลค่าขายกว่า 1.56 หมื่นล้านบาท และสำหรับแบรนด์ที่เหลือขายมากที่สุดคือ LPN เหลือสูงสุด 4 พันห้อง ตอนนี้รีบงัดกลยุทธ์อัดแคมเปญดึงยอดขายและส่วนลดกว่า 5-10% ส่วนทางด้านแสนสิรินั้นพบว่า เหลือขายมูลค่าสูงสุด 5 พันล้านบาท
กลุ่มบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ (คิวเฮ้าส์) มีแนวคิดว่า สภาวะแบบนี้ใครออกแคมเปญก่อน ย่อมได้เปรียบกว่า สำหรับแคมเปญ 0% นั้นถือว่า เป็นเรื่องปกติ ถ้าจะให้น่าสนใจเข้ากับภาวะเศรษฐกิจ วิธีการให้ส่วนลดน่าจะได้ผลมากกว่า
สำหรับ LPN นั้น นายโอภาส ศรีพยัคฆ์กล่าวว่า “ช่วง 3-4 ปีก่อนผู้ประกอบการแข่งกันเปิดโครงการ ทำให้ซัพพลายคอนโดฯที่เสร็จปีนี้มีเยอะ บางส่วนลูกค้าไม่มาโอน บางส่วนกู้ไม่ผ่าน บางส่วนยังขายไม่หมดก็ต้องนำมาขายใหม่ เพื่อเปลี่ยนสต๊อกเป็นเงินสด”
ส่วนแสนสิรินั้น จะทำการเร่งขายโครงการในต่างจังหวัด เนื่องจากสต๊อกเหลือขายนั้น อยู่ที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ สำหรับบิ๊กแบรนด์ขนาดกลาง-ใหญ่รายอื่นๆนั้น มีสต๊อกเหลือประมาณ 500-600 ยูนิต ซึ่งก็จะวางกลยุทธ์เพื่อเร่งขายต่อไป
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ