จากนั้น สนข.ไปทำภูมิภาคที่ภูเก็ต รถไฟฟ้า รางเบา ผลศึกษา 95% ใกล้เสร็จเต็มที 36 โครงการ 8.9 แสนล้านบาทเศษ
ทำไมต้องทำ รถไฟฟ้า ล่าสุดกรุงเทพมหานครเป็นอันดับ 1 ของโลกที่รถติด อันดับ 2 เราแซงเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งต้องการแก้ปัญหาจราจร ได้ผลประโยชน์ในการพัฒนาเมืองด้วย ความเร็วเฉลี่ยของการใช้รถยนต์ 15 กม.ต่อชม. เทียบรถไฟฟ้า 40 กม.ต่อชม. แตกต่างกันมาก ซึ่งแนวโน้มอัตราเฉลี่ยการใช้รถต่ำลงเรื่อยๆ แสดงว่ารถติดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีรถจดทะเบียนใหม่เพิ่มวันละ 1,100 คัน แต่สร้างถนนรองรับไม่ทัน สัดสว่นถนนมีเพียง 8% ต่ำมากเทียบกับโตเกียวที่มี 20% นิวยอร์กมี 30% สถิติรถในกทม.มี 9 ล้านคัน รวมปริมณฑลอีก 3 ล้านคันเป็น 12 ล้านคัน
สัดส่วนการใช้รถสว่นบุคคล 53% ใช้การขนส่งสาธารณะ 46% แบ่งย่อยออกมาเป็นการใช้รถเมล์ แท็กซี่ รถตู้ 83% ใช้รถไฟฟ้าแค่ 12% นั่นคือมีเพียง 1 ล้านคนที่ใช้อยู่ สนข.คำนวณภายในปี 2572 คาดว่าคนจะหันไปใช้รถไฟฟ้า 7680,000 ล้านเที่ยวคน/วัน หรือเพิ่มวันละ 3.8 ล้านคน หรือเพิ่มอีก 2.8 ล้านคน นักพัฒนาที่ดินต้องมองออกแล้วว่าจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นต้องการพักอาศัยที่ไหนบ้าง
กระทรวงคมนาคมวางหลักการด้วยว่า ต่อไปมีระบบรถไฟฟ้า ต้องการส่งเสริมขนส่งสาธารณะ บวกกับการเดินเท้าและจักรยาน จึงต้องทำลานจอดแล้วจร กระจายให้เกิดเมืองบริวารรอบนอก
กับเรื่องการเชื่อมต่อ เดิมแต่ละลูปไม่เชื่อมต่อกัน จากนี้ไประบบบก น้ำ อากาศต้องเชื่อมโยงกัน เริ่มจากระบบตั๋วร่วม, กับบริหารจัดการดีมานด์ ลดการใช้รถส่วนบุคคล เช่น แนวคิดใช้ทะเบียนเลขคู่-เลขคี่ ต้องรอรถไฟฟ้าฟังก์ชัน 80-90% ก่อน
อีกเรื่องการพัฒนายังต้องมองการพัฒนาเมืองด้วย “การพัฒนาพื้นที่รอบสถานี” ให้กระชับ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อการพักอาศัย ในอนาคตจะเกิดเมืองหลายศูนย์กลาง เราให้ความสำคัญนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการถูกกลืนไปแล้ว จะมี communication train ที่การรถไฟฯ กำลังทำอยู่
ศูนย์กลางจะมีแลนด์สเตชันที่บางซื่อ เชื่อมต่อกับดอนเมือง สุวรรณภูมิ สถานีมักกะสัน สถานีลาดกระบังจะเป็นสถานีสำคัญ เพราะมีการพัฒนา EEC จะไประยองต้องผ่านลาดกระบัง นี่คือภาพที่ทำให้เชื่อมโยงระหว่างเมืองมากขึ้น
คาดการณ์การเดินทางทุก 5 ปีโต 3 เท่า สิ่งที่อยากให้เป็นคือกรุงเทพเดิมเป็นมหานครแห่งรถและท้องถนน อยากปรับให้เป็นมหานครแห่งระบบราง สิ่งเกิดตามมาคือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องมีปอดหรือพื้นที่ว่างสาธารณะ และราคาที่ดินต้องสูงตามไปด้วย
รัฐบาลนี้เอาจริงจนผมพูดได้เลยว่าเหนื่อยมาก จริงๆ อยู่ในแผนอีก 2-3 ปีหน้าค่อยทำก็ได้แต่ไม่เอา ให้ทำผ่านให้หมดเลย อีไอเอต้องผ่าน เข้า ครม.จึงจะลงนามได้ นั่นคือจะเห็นโครงการในปี 2560 ถูกใส่เข้ามาเยอะมากเพื่อเร่งรัดให้เสร็จ ตามแผนในปี 2564-2565 ทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์จากแผนเดิมจะจบในปี 2572 ร่นเวลาเร็วขึ้น 7 ปี สิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ รัฐบาลเปิดโอกาสมาก จึงไม่อยากให้เสียโอกาสจากการเปลียนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้เสียโอกาสให้กับคนนอก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ต้องการซื้อ-เช่า !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน ทั่วไทยมากกว่า 300,000 รายการ คลิ๊กที่นี่
ลงประกาศขาย-ให้เช่า ฟรี !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน กับ Dot Property ขายง่าย ขายไว ไม่มีค่าใช้จ่าย ลงประกาศเลย