นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า การขยายระบบโครงข่ายขนส่งมวลชนในระบบราง หรือ รถไฟฟ้าของภาครัฐออกไปในย่านชาญเมือง โดยเฉพาะการเร่งลงทุนโครงการรถไฟฟ้าใน 3 เส้นทาง ซึ่งได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีชมพู และสายสีเขียว เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของเมืองได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่นั้น จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดส่ง หรือการขนส่งสินค้าเกษตรกรรมทั้งหมด ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการขยายตัวของตัวเมืองอีกเช่นกัน ส่วนผลที่จะตามมาคือ การตื่นตัวของความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่จะมีมากขึ้น ส่วนราคาที่ดินในแนวรถไฟความเร็วสูงนั้น ที่มีการปรับราคาขายขึ้นไปทำให้มีราคาสูงมากขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ อาจจะมีการปรับราคาลดลงมาตามสภาพความเป็นจริง หลังจากที่ได้มีการยกเลิกการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงออกไปนั่นเอง ส่วนนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ได้กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก ได้มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 54,400 ล้านบาท เมื่อมีการเปรียบเทียบกับการเปิดตัวโครงการใหม่ของช่วงเดียวกันในปี 56 และขณะในช่วงเดือน สิงหาคม – กันยายน เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ผู้ประกอบการรายใหญ่ถึง 8 ราย ได้มีการเปิดตัวคอนโดใหม่ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดรวมคอนโดมิเนียมมียอดขายรวมมูลค่ากว่า 348,000 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นยอดขายสูงสุดที่เคยมีมา
ส่วนในปีนี้เชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่คอยผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง โดยคาดว่าปีนี้ทั้งปี น่าจะมียอดขายโดยประมาณ 310,000 ล้านบาท หรือมีแชร์ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมประมาณ 53 % ซึ่งลดลงจากปีก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น