อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงปี 2560 เป็นต้นมา ความต้องการคอนโดของผู้บริโภคทั้งกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด จากทั้งปัจจัยในเรื่องของการเดินทาง ความสะดวกสบาย ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่รอบ ๆ โครงการ ตลอดจนปัจจัยในเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่ผู้บริโภคต้องการความทันสมัย จึงทำให้ในปี 2560 นั้น มีปริมาณความต้องการเสนอขายสินค้าจากทั้งผู้พัฒนารายใหญ่และรายย่อยในท้องตลาดมากถึง 62,700 ยูนิต จาก 128 โครงการ ซึ่งเป็นปีที่มีจำนวนห้องชุดออกสู่ตลาดมากที่สุดในรอบ 10 ปี และเรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ในการอยู่อาศัยที่สำคัญอย่างมากในขณะนั้นเลยทีเดียว
ในขณะที่ในปี 2564 นี้ เรียกได้ว่าเป็นปีที่ตลาดอสังหาได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก ทั้งจากปัจจัยด้านการเมือง เศรษฐกิจ และปัจจัยที่เข้ามาเป็นตัวฉุดรั้งที่สำคัญอยากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ทำให้ความต้องการคอนโดลดลงอย่างเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากพฤติกรรมในการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ Work From Home ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องการพื้นที่ในการทำงานรวมถึงพื้นที่ในการพักผ่อนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมของการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า การอาศัยอยู่ภายในคอนโดมีเนียมนั้นจะมีความเสี่ยงจากกับสัมผัสและพบปะผู้คน มากกว่าการอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยประเภทบ้านหรือทาวน์โฮม
หากย้อนกลับไปในปี 2563 ที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นปีแห่งการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรอบแรก ก็จะเห็นได้ว่าเหล่าผู้พัฒนาทั้งรายใหญ่และรายเล็กต่างก็พยายามที่จะเทขายสต๊อกคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ โดยการแข่งกันลดราคามากถึง 30% เพื่อหนีให้พ้นจากความต้องการคอนโดที่ลดลงในครั้งนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ายอดเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 นั้นลดลงถึง -51.5% โดยคิดเป็น 21,643 ยูนิต จากทั้งหมด 56 โครงการเท่านั้น เรียกได้ว่าเห็นความแตกต่างจากในปี 2560 ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ในด้านมูลค่าโครงการลดเหลือเพียง 32% จำนวน 66,490 ล้านบาท หรือมูลค่าการลงทุนลดลง -149,480 ล้านบาทเทียบกับปี 2562 ที่มีมูลค่าเปิดตัวโครงการใหม่ 215,970 ล้านบาท
ยอดเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ 2564 ตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
หลังจากที่ได้เห็นถึงผลกระทบของภาพรวมตลาดคอนโดในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาแล้ว คราวนี้มาลองดูคาดการณ์ในปี 2564 กันบ้างว่า ความต้องการคอนโดของผู้บริโภคจะเป็นอย่างไรและโครงการคอนโดใหม่ 2564 จะยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้หรือไม่
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในต้นปี 2564 นี้ ยังทำให้เทรนด์ความต้องการคอนโดของผู้บริโภคยังอยู่ในช่วงขาลง โดยคาดว่ายอดเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ 2564 จากผู้พัฒนารายต่าง ๆ ในท้องตลาดจะอยู่ที่ 20,000 ยูนิตเท่านั้น หรือคิดเป็นติดลบ -7.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งถือเป็นยอดเปิดตัวโครงการที่วิกฤตที่สุดในรอบ 10 ปี โดยจะเห็นได้จากสถิติภาพรวมตลาดคอนโดในช่วงปี 2552-2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมียอดเปิดตัวโครงการสูงถึงปีละ 42,992 ยูนิตเลยทีเดียว
ทั้งนี้หากเป็นไปตามคาดการณ์ก็จะเห็นได้ว่าผู้พัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงปรับลดจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ในส่วนของคอนโดอย่างต่อเนื่อง โดยหันไปเน้นพัฒนาโครงการแนวราบในพื้นที่หัวเมืองรองแทน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังคงเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะเปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่ากำลังซื้อทั้งในส่วนของลูกค้าต่างชาติและลูกค้าไทยจะยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว รวมไปถึงเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดยังไม่กลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตามคาดว่าหากไทยได้เริ่มมีการนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเร็ว ๆ นี้ ก็อาจจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะภาคการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจ หรือภาคครัวเรือน ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มกลับมาลืมตาอ้าปากได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง และนั่นก็หมายถึงว่า ผู้บริโภคในตลาดอสังหาเองก็จะเริ่มกลับมามีกำลังซื้อที่เพียงพออีกครั้ง
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/property/news-591032
https://www.reic.or.th/News/RealEstate/453026
https://nexus.co.th/news/เน็กซัส-สรุปภาพรวมตลาดค/