“เราเห็นแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับผู้ซื้อบ้านเพื่อกินส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันที่สูงขึ้นของตลาดทำให้ธนาคารบางแห่งให้เงินกู้เกินหลักประกันแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นและนำไปสู่หนี้เสีย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านหลังที่ 2และ3” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
ทั้งนี้ ธปท.พร้อมใช้มาตรการกำกับดูแล (Macro Prudential) ควบคู่กับนโยบายการเงินในการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน โดยการกำกับดูแลนี้เพื่อลดการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร ซึ่งก่อนหน้านี้ ธปท.ก็ได้ใช้เกณฑ์นี้ในการดูแลสินเชื่อรายย่อยมาแล้ว
นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จะเชิญธนาคารพาณิชย์มาหารือในรายละเอียดการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยตามเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. ในเบื้องต้นนี้จะดูแลเรื่องการปล่อยสินเชื่อต่อวงเงินหลักประกัน (LTV) ความสามารถชำระหนี้และรายได้ เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผู้กู้รายย่อยที่ขอสินเชื่อเพื่ออยู่อาศัยจริง
นายพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายสถาบันการเงิน ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การออกเกณฑ์กำกับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะไม่มีผลกระทบกับอันดับเครดิตของสถาบันการเงินไทย แต่ช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจ โดยฟิทช์ให้มุมมองอุตสาหกรรมธนาคาร “มีเสถียรภาพ” ปัจจุบัน 3 ธนาคารใหญ่ คือ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ มี เรตติ้งเท่ากับประเทศไทย
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์