จากสถานการณ์โรคระบาดจะเห็นแล้วว่า ตลาดอสังหาฯ นั้นได้รับผลกระทบแทบจะทุกภาคส่วน แต่ไม่ใช่กับตลาดคอนโด Luxury ในย่านกรุงเทพมหานคร ซึ่งดูแล้วจะยังเติบโตได้ดีสวนทางกับสถานการณ์ต่างๆ อยู่ไม่น้อย มาดูกันดีกว่าครับว่า ตลาดคอนโดหรูในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างไร และจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคตบ้าง ไปดูคำตอบพร้อมกันเลยครับ
สรุปภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียม
สำหรับภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้ตลาดที่พักอาศัยโดยรวมของกรุงเทพฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น ซัพพลายจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จึงลดลงมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2563 และจากตัวเลขในไตรมาส 2 ปี 2564 ของซีบีอาร์อี พบว่า การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ลดลงจากไตรมาสแรก 11.4% โดยผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญกับการขายยูนิตที่สร้างเสร็จและพร้อมเข้าอยู่มากกว่า โดยมีข้อเสนอพิเศษเป็นตัวเร่งการตัดสินใจของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ส่วนลด 5 – 10%
ยกเว้นตลาดคอนโดมิเนียมหรูที่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพมหานครก็ยังมียอดจองเฉลี่ยที่สูง และตลาดยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลหายาก และโครงการ Branded Residence ที่มีเครือโรงแรมระดับโลกมาบริหาร ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง
โดยในไตรมาส 2 ปี 2564 คอนโดมิเนียมทั้งหมดในกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 828,549 ยูนิต โดยยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 106,990 ยูนิต และก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 7,983 ยูนิต ซึ่งมีเพียง 1,444 ยูนิตที่ตั้งอยู่ในย่าใจกลางธุรกิจหรือซีบีดี ปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมียอดขายเฉลี่ย 90.9% ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างมียอดจองเฉลี่ย 61.4% โดยคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่มียอดจองเฉลี่ยสูงสุดที่ 76.3%
ตลาดบ้านหรู VS คอนโดหรู
สำหรับตลาดคอนโดหรู ไพร์มโลเคชั่นยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะดึงดูดลูกค้าและนักลงทุน รวมถึงบริการเสริมระดับคุณภาพโดยแบรนด์โรงแรมชั้นนำที่สะท้อนถึงมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาวของโครงการในปัจจุบันรวมถึงช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการในอนาคตได้ ซึ่งช่วงนี้เป็นจังหวะดีสำหรับผู้ซื้อที่จะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสมและสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ในอนาคต
ขณะที่ตลาดบ้านแนวราบมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 26.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ซื้อที่ต้องการมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น รวมถึงสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำงานและทำกิจกรรมภายในครอบครัวได้หลากหลายมากขึ้น ดูจากซัพพลายโดยรวมของโครงการบ้านที่สร้างโดยผู้พัฒนาโครงการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 337,188 หลัง และบ้านที่ผู้อยู่อาศัยสร้างเองมีจำนวน 225,423 หลัง ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่เพิ่มขึ้นถึง 26.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมียอดโอนบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% ต่อปี คิดเป็น 22,141 ยูนิต
สรุปแล้วตลาดบ้านยังคงเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนโดยดีมานด์จากผู้ซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 น้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียมซึ่งมีผู้ซื้อที่เป็นนักลงทุนในสัดส่วนที่สูงกว่า และเมื่อไม่นานมานี้ มีเทรนด์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในตลาดบ้าน คือ ผู้พัฒนาโครงการมีความเข้าใจและให้ความสำคัญมากขึ้นกับแนวคิดของความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพที่ดี ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การออกแบบโครงการ ยังรวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุ เทคโนโลยีใหม่ ๆ และการให้บริการของนิติบุคคล เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน