เมื่อวันที่ 17 เมษายน ศ.อมร พิมานมาศ นักวิจัยชุดโครงการลดภัยพิบัติจาก แผ่นดินไหวในประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
กล่าวถึงเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ที่เมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ทำให้โครงสร้างอาคารบ้านเรือนถล่มพังเสียหายตั้งข้อสันนิษฐานว่า เป็นเพราะโครงสร้างของบ้านไม่แข็งแรงพอ
โดยข้อสันนิษฐานนี้อาจขัดกับความเข้าใจของคนทั่วไปที่ส่วนใหญ่เข้าใจว่าประเทศญี่ปุ่นมีการออกแบบอาคารที่ได้มาตรฐานเพราะเผชิญเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้งแต่
ในความเป็นจริงแล้วบ้านหลังเล็กๆ ในญี่ปุ่นมักก่อสร้างตามแบบแผนในอดีต ซึ่งเสานิยมก่อสร้างจากไม้ขนาดเล็ก รอยต่อระหว่างคานและเสาไม่แข็งแรงพอ
หลังคาที่ทำจากกระเบื้องมีน้ำหนักมาก ส่วนอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กที่ก่อสร้างหลายชั้น และเกิดความเสียหายด้วยนั้น
คาดว่าเป็นโครงสร้างเก่าที่ก่อสร้างมาก่อนจะมีการปรับปรุงมาตรฐานการออกแบบต้านแผ่นดินไหว
“ประเทศญี่ปุ่นมีการปรับปรุงมาตรฐานการออกแบบต้านแผ่นดินไหวหลักๆ2ครั้ง คือ ในปี ค.ศ.1981 และปี ค.ศ.1995 ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ
ดังนั้นหากเป็นอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี ค.ศ.1981 เชื่อว่าไม่แข็งแรงพอที่จะต้านแผ่นดินไหวแน่นอน” ศ.อมรกล่าว และว่า อาคารในประเทศญี่ปุ่นมีเพียงร้อยละ 75
เท่านั้นที่ออกแบบและก่อสร้างได้มาตรฐานต้านแผ่นดินไหว แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีมาตรการให้เงินสนับสนุนบางส่วนแก่เจ้าของอาคารในการปรับปรุงอาคารเก่าให้ได้มาตรฐาน
แต่เจ้าของอาคารบางส่วนก็ยังไม่ทำการปรับปรุงอาคารสำหรับในประเทศไทยพื้นที่ที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวในระดับปานกลาง เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และกรุงเทพมหานคร
ซึ่งมีอาคารที่มีโครงสร้างที่อ่อนแอเช่นกัน ดังนั้นการออกแบบอาคารใหม่จะต้องคำนึงแรงแผ่นดินไหว ส่วนอาคารเก่าก็ควรทำการประเมินด้วยว่าสามารถต้านแผ่นดินไหวได้ในระดับใด
เพื่อปรับปรุงหรือเสริมความมั่นคงอาคารให้แข็งแรงต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อ ขายบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์เฮ้าส์ มือ1 มือ 2 สามารถเข้าดูได้เลยที่ https://www.dotproperty.co.th/