นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ให้น้ำหนักลงทุนหุ้น กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยเท่าตลาด เพราะมองว่าเกณฑ์ใหม่ ธปท.จะส่งผลกระทบ จำกัด เพราะส่วนใหญ่กำหนดเงินดาวน์ 15-20% กันอยู่แล้ว
แต่ในทางกลับกันอาจจะเกิดปรากฏการณ์เร่งโอนในช่วง ที่เหลือของปีหรือไตรมาส 4 มากขึ้น เพราะเกณฑ์ใหม่นี้จะใช้วันที่ 1 ม.ค. 2562 หากเป็นอย่างนี้ก็จะทำให้ผลดำเนินงานของกลุ่มที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 4 จะออกมาดีมาก
“เดิมฝ่ายวิจัยประเมินไว้อยู่แล้วว่าในไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของกลุ่ม อสังหาฯ และจะเป็นช่วงที่กลุ่มนี้จะมีรายได้ที่พีก ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยนี้เข้ามาก็จะทำให้การคาดการณ์ของฝ่ายวิจัยเป็นจริงยิ่งขึ้น” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากดูตัวเลขสินค้าในมือที่รอโอนประเภทต่างๆ ของผู้ประกอบการ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2561 รวมอยู่ที่ 3.32 แสนล้านบาท โดยเฉพาะส่วนที่รอรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 จะอยู่ที่ 1.16 แสนล้านบาท แบ่งเป็นของบริษัทเอง 8.13 หมื่นล้านบาท และจากโครงการร่วมทุน 3.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหลังจากนี้ผู้ประกอบการที่มีโอกาสได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มคอนโดมิเนียมที่จัดเก็บเงินดาวน์ต่ำกว่า 20% ซึ่งส่วนใหญ่เจาะตลาดกลางและล่าง และจะเห็นการปรับตัวโดยการให้มีระยะเวลาผ่อนดาวน์นานขึ้น และอาจเปิดขายโครงการก่อนจากเดิมที่จะเตรียมพร้อมทุกอย่างถึงจะขายส่วนบ้านแนวราบ จะปรับเข้าสู่บ้านรับสร้างหรือขายบ้านระหว่างสร้าง การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้แนะนำลงทุนหุ้นที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง LH QH และ SC
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI กล่าวว่า เห็นด้วยกับการคุมของทางการและเป็นไปตามประเทศที่พัฒนาแล้วบ้านหลังที่ 2 วางดาวน์ 20% และหลังที่ 3 วางดาวน์ 30% ในทางกลับกันน่าจะมีเกณฑ์เพื่อช่วยให้ผู้มีบ้านหลังแรกเข้ามาด้วย
เช่น ให้วาง 15% เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ นักจากมาตรการ และทุกวันนี้ในส่วนคอนโด ราคาแพงให้วางดาวน์อยู่แล้ว 15% และส่วนใหญ่ลูกค้ากว่า 50% ของยอดขายโอนเงินสดชัดเจนโครงการปาร์ค 24 ลูกค้ากว่า 70% โอนเงินสด
นอกจากนี้ บริษัทยังมั่นใจว่า ปีนี้ รายได้จะเติบโตต่อเนื่องและอาจจะดีกว่า ที่คาดการณ์และในไตรมาส 4 มีสินค้าพร้อมโอนอยู่ 7,000-8,000 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์