กรุงเทพฯ – บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์และลักซ์ชัวรี่ชั้นนำของประเทศไทย ขยายแผนการพัฒนาและดำเนินธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรู บนทำเลสำคัญของมหานคร ล่าสุดเปิดโครงการ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ ลักซ์ชัวรี่ แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 4,100 ล้านบาท ให้คุณเชื่อมต่อซิตี้ไลฟ์สไตล์ของทุกคอมมูนิตี้แบบไร้รอยต่อ ดั่งคำนิยาม “The Landmark Residence on Thonglor” โดดเด่นเหนือระดับด้วย 5 เอกสิทธิ์สำคัญ ในการออกแบบดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมตอกย้ำความสำคัญในการใช้ชีวิต ภายใต้แนวคิด “Canvas of Life” บนพื้นที่ห้องชุดที่ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์จิตรกรรมแห่งชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพักอาศัยและไลฟ์สไตล์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยบริษัทฯ มั่นใจสามารถปิดการขายปี 2559 ด้วยยอดขายกว่า 75%
คุณฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ (คนขวา)กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความสำเร็จ ในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านมา ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ “โดมัส สุขุมวิท ซอย 16 และซอย 18” และโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ระดับไฮเอนด์ “โหมด สุขุมวิท 61” นับเป็นการการันตีคุณภาพถึง ความมุ่งมั่นและใส่ใจในรายละเอียดของบริษัทฯ ที่พิถีพิถันสร้างสรรค์ประสบการณ์รูปแบบการใช้ชีวิตอย่างมีเอกลักษณ์ ภายใต้ดีเอ็นเอ “DNA” ของบริษัทฯ “Refined Quality Living” ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนทำเลทองที่สามารถเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์เข้ากับคอมมูนิตี้ได้อย่างลงตัว ล่าสุดบริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” มูลค่าโครงการกว่า 4,100 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นโครงการสำคัญที่สร้างบนแลนด์มาร์กแห่งอนาคตใจกลางย่านทองหล่อ ทั้งยังเป็นทำเล ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการอยู่อาศัย เพราะสามารถเชื่อมต่อไปยังร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งอำนวยความสะดวก ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์”
โครงการ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าซอยทองหล่อ 13 สูง 32 ชั้น ดำเนินการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Canvas of life” ที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์จิตรกรรมแห่งชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในการพักอาศัยและไลฟ์สไตล์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีเพียง 84 ยูนิต บนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา แบ่งเป็นห้องชุดเพียง 4 รูปแบบ อันได้แก่ ขนาด 2-Bedroom “Tela Sienna และ Tela Amber” บนความกว้างขวางของพื้นที่ใช้สอยถึง 111 ตารางเมตร จำนวนเพียง 40 ยูนิต และซิกเนเจอร์ยูนิตของโครงการฯ คือ ห้องชุดขนาด 3-Bedroom “Tela Legacy Suite A & B” บนพื้นที่ใช้สอยขนาด 201-202 ตารางเมตร จำนวน 40 ยูนิต ตลอดจนห้องชุด ขนาด 3-Bedroom Duplex หรือ “Signature Suite” มีเพียง 2 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันลูกค้าจองซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีพื้นที่ใช้สอยสูงถึง 230 ตารางเมตร และสุดท้ายกับห้องชุด 3 Plus 1 Bedroom Duplex หรือ “Sky Duplex Suite” ซึ่งมีเพียง 2 ยูนิต เท่านั้น โดยมอบพื้นที่ใช้สอยสูงถึง 338 ตารางเมตร ทั้งนี้ ทางโครงการฯ ได้มุ่งเน้นการสื่อสาร เพื่อเจาะกลุ่มครอบครัวระดับลักซ์ชัวรี่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ในรูปแบบเฉพาะตัว เน้นตอบสนองการอยู่อาศัยที่รักการใช้ชีวิตในเมือง และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว
คุณฟ้าฟื้น กล่าวต่อไปว่า “จุดเด่นที่ทำให้โครงการฯ มีความแตกต่างและโดดเด่นเหนือระดับ ประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
- “Strategic Location” ทำเลที่มอบประสบการณ์การเชื่อมต่อของซิตี้ไลฟ์สไตล์เข้าสู่คอมมูนิตี้แบบไร้รอยต่อ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างสรรค์รูปแบบการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายและลงตัว ด้วยถนนที่เชื่อมต่อทุกซอกซอยสู่สถานที่ไลฟ์สไตล์มากมาย อาทิ ร้านอาหาร ศูนย์การค้าแบบเปิด และทางเชื่อมไประบบขนส่ง บีทีเอสที่สะดวกสบายและรวดเร็ว
- “Ultra-Low Density Living” เพิ่มพื้นที่การอยู่อาศัยที่ไม่แออัด และมีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนห้องทั้งโครงการเพียง 84 ยูนิต ชั้นละ 4 ห้อง เท่านั้น ส่งผลให้แต่ละยูนิตเต็มไปด้วยมุมมองและบรรยากาศแห่งความพิเศษ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวภายในยูนิตได้อย่างไม่จำกัดภายใต้ความสูงของห้องชุด 3.20 เมตร
- “Crafted Space” พื้นที่ใช้สอยได้รับการออกแบบอย่างลงตัวเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่สามารถรองรับ ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย พร้อมโดดเด่นด้วยระเบียงแบบ “Panoramic Adaptive Balcony” ที่มีความยาวกว่า 17 เมตร เชื่อมต่อตั้งแต่ห้องนั่งเล่น และห้องนอนทุกห้องสำหรับห้อง Tela Legacy Suite A & B ทั้งนี้ยังสามารถเปิดประตูระเบียงแบบ Double Glazed หรือกระจกบานประตูเลื่อนที่มีกระจกสองชั้น สามารถป้องกันความร้อน พร้อมช่วยถ่ายเทและหมุนเวียนอากาศภายในห้องได้เป็นอย่างดี
- “Secured Private Lift Lobby” ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถขึ้นตรงจากพื้นที่ส่วนกลางถึงห้องชุดเสมือนลิฟต์ส่วนตัว ที่ส่งผู้อยู่อาศัยไปแต่ละชั้นโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยภายในลิฟต์ด้วยระบบ CCTV Monitoring & Control ที่เชื่อมต่อกับห้องควบคุมตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้อาศัย
- “Iconic Design” การออกแบบภายนอกที่สะท้อนความพิถีพิถัน มีเสน่ห์ และอยู่เหนือกาลเวลา ด้วยการตกแต่ง ที่มีคุณภาพ และความหรูหราในทุกรายละเอียด อาทิ ชุดครัวที่ตกแต่งด้วยแบรนด์อิตาลี BINOVA และเครื่องใช้ไฟฟ้า BERTAZZONI และห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างประณีต โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ผลงานนักออกแบบ ระดับโลก ถือเป็นผลงานร่วมสมัยแห่งอนาคตของอาณาจักร เกษร พร็อพเพอร์ตี้ อย่างแท้จริง”
คุณเฟิม หงสนันทน์ (คนซ้าย)รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเทลล่า ทองหล่อ ผู้อยู่อาศัยจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท พร้อมนำเสนอ ความหรูหราเหนือระดับ ทั้งพื้นที่ใช้สอย และความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตลอดจนการเลือกสรรวัสดุที่มีคุณภาพ ด้วยงานออกแบบของดีไซน์เนอร์ และการวางพื้นที่เพื่อตอบสนองประสบการณ์ Refined Quality Lifestyle ที่เชื่อมโยงเรื่องราวของศิลปะพร้อมสอดแทรกความงดงามในบริเวณส่วนกลาง และภายนอกของโครงการ อาทิ การดีไซน์ “Façade” ให้เกิดมิติมุมมองของแสงที่ตกกระทบผิววัสดุภายนอก ตลอดจนการใช้แสงไฟเพื่อสร้างประสบการณ์ความแตกต่างของตัวอาคารตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึง “Greenery Wall” ความเขียวชอุ่มบนกำแพง ตลอดตัวอาคารด้านล่าง สอดคล้องกับการออกแบบด้านภูมิทัศน์ “Landscape” ที่มอบความร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว ภายในโครงการ พร้อมมอบสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อผู้อยู่อาศัยโดยเฉพาะ อาทิ “Lapis Deck” สระว่ายน้ำระบบเกลือความยาวรวม 25 เมตรสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ “Pulse Fitness and Pause Spa” ฟิตเนสที่ครบครันด้วย เครื่องออกกำลังกายอันล้ำสมัย พร้อมพื้นที่สปาและบิวตี้ซาลอนส่วนตัว “84 Saletta” (Residential club) ห้องฟังก์ชั่นรูม ที่รองรับให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้ามาใช้บริการจัดเลี้ยงหรือสังสรรค์ได้ตามโอกาส”
สำหรับการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ได้นำเสนอความโดดเด่นผ่าน “Gaysorn Residential Services (GRS) บริษัทบริหารและจัดการอาคารชุด” เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อและพักอาศัยภายในโครงการ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) การสร้างคุณค่าในการบริการ “Value Services” เน้นเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการช่วยเหลือในด้านต่างๆ 2) “Best Practice Facility Management” การบริหารจัดการทรัพย์สินและเครื่องจักรส่วนกลาง มุ่งเน้นการวางแผนพัฒนาและจัดสรรงบประมาณล่วงหน้าในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรและการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางต่างๆ พร้อมทั้งระบบประเมินผลการทำงาน และสุดท้าย 3) การดูแลคุณภาพการบริการ “Quality Assurance” โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจากบริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการนิติบุคคลและฝ่ายจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานบริการลูกค้า และการบริหารทรัพย์สินภายใต้มาตรฐานความใส่ใจในแบบ “Refined Quality Living” อันเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอ “DNA” หัวใจสำคัญของบริษัทฯ
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ววันนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2562 โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 บาท ต่อตารางเมตร โดยมั่นใจว่าภายในปลายปี พ.ศ. 2559 จะสามารถปิดการขายด้วยยอดจองสูงถึง 75%
สำนักงานขาย “TELA Thonglor – เทลล่า ทองหล่อ” โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่
โทร 02-612-5959 หรือ www.telathonglor.com