กล่าวได้ว่าในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในประเทศไทย ส่งผลให้เหล่ากิจการทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงธุรกิจในหลายภาคส่วนต่างต้องปรับตัวกันตลอดเวลาเพื่อรับมือกับผลกระทบที่มาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 Regus ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพื้นที่ทำงานได้ระบุถึง 3 เทรนด์หลักที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 นี้
คลิกที่นี่เพื่อเยี่ยมชม Regus Thailand
- สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย
ในปัจจุบันนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นายจ้างจะต้องมีนโยบายและขั้นตอนที่เข้มงวดเพื่อให้พนักงานปลอดภัยจากโรคโควิด-19 โดยมาตรการด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่บริษัทต้องพิจารณา ได้แก่ ขั้นตอนการทำความสะอาด การตรวจสอบอุณหภูมิ การสำรวจสุขภาพ และอัปเดตนโยบายเวลาพนักงานเกิดอาการป่วยด้วย
หากคุณทำงานอยู่ในออฟฟิศที่ค่อนข้างยืดหยุ่นหน่อย แน่นอนว่าก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของตึกด้วยที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งทาง Regus เองก็เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในการพยายามที่จะเสาะหาพื้นที่ออฟฟิศที่มีอุปกรณ์ครบครันและปลอดภัยสำหรับผู้เช่าเสมอมา
“ประโยชน์อย่างหนึ่งในการเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการจัดหาพื้นที่สำนักงานที่มีความยืดหยุ่นก็คือเราสามารถประเมินกระแสความนิยมในพื้นที่ได้ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และปรับเปลี่ยนกระบวนการรวมถึงกลยุทธ์ที่สำคัญได้อย่างรวดเร็ว” เวย์น เบอร์เกอร์ ซีอีโอของบริษัท IWG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Regus ในอเมริกากล่าว
- บริษัทมีรูปแบบที่มีความผสมผสาน
ในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเชื่อว่าหลายๆ บริษัทต่างเริ่มมีการวางแผนปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในบริษัทให้เป็นไปในแบบผสมผสานมากขึ้น ซึ่งจากการวิจัยของศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ศ.นิโคลัส บลูม ระบุว่าสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพคือการที่พนักงานสามารถทำงานระยะไกลเป็นเวลา 2 วัน และเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศในบางเวลา จึงเรียกได้ว่าการทำงานในรูปแบบผสมผสานนี้เป็นประโยชน์ให้กับทั้งพนักงานและนายจ้างเลยล่ะค่ะ
“โมเดลแบบผสมผสานนี้ให้ประโยชน์ที่น่าประทับใจทั้งกับพนักงานและนายจ้าง” มาร์ค ดิกซัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ ผู้ก่อตั้ง IWG กล่าว “การปรับเปลี่ยนจะช่วยให้ทีมมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น รวมถึงลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อทำงาน เป็นโอกาสในการทำงานใกล้บ้านมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินโดยสามารถไปลงทุนให้กับพนักงานและลงทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจ แทนที่จะเอาไปจ่ายกับสำนักงาน”
- การปฏิวัติพื้นที่ทำงาน
จริงๆ แล้วก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในปี 2563 ความต้องการพื้นที่ทำงานทางเลือกอื่นๆ ที่มีความยืดหยุ่นนั้นเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มของพนักงาน แต่ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันทำให้นายจ้างเริ่มยอมรับความต้องการในการปรับพื้นที่การทำงานมากขึ้ยนอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564
ความต้องการสำหรับพื้นที่ทำงานแบบทางเลือกเคยถูกขับเคลื่อนจากพนักงานเป็นหลัก หรือสิ่งที่ IWG เรียกว่า ‘การปฏิวัติพื้นที่ทำงาน’ วันนี้เราเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากนายจ้างที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่ทำงานแบบผสมผสาน
“ความต้องการโซลูชันพื้นที่ทำงานทางเลือกและความยืดหยุ่นที่พนักงานเคยขับเคลื่อน – สิ่งที่ IWG เรียกว่า ‘การปฏิวัติพื้นที่ทำงาน’ วันนี้เราเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากนายจ้างที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน ส่งผลต่อผลผลิตและช่วยรักษาบุคลากรที่มีความสามารถในอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งทางผู้พัฒนาและเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เองต่างก็เริ่มนำเทรนด์ดังกล่าวนี้มาปรับใช้มากขึ้นเช่นกัน” ลาร์ส วิททิก Regus Country Manager ประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ไทย และเกาหลีใต้ กล่าว
ค้นหาพื้นที่ทำงานที่เหมาะกับบริษัทของคุณ
ด้วยสถานที่ทำงานทั้ง 24 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ที่มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จึงไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่สามารถมอบตัวเลือกดีๆ ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ SMEs และ MNCs ได้มากกว่า Regus โดยพื้นที่เหล่านี้สามารถหาได้ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมกับที่ตั้งที่สะดวกตอบโจทย์ผู้เช่าได้เป็นอย่างดี อีกสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือพื้นที่ทำงานของ Regus แต่ละแห่งมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อให้รับรองสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี แน่นอนว่า Regus ทราบดีถึงช่วงเวลาสุดท้าทายของธุรกิจทุกขนาด ทำให้ในปัจจุบันทางบริษัทได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยด้วยการจัดหาพื้นที่ทำงานที่มีความเฉพาะตัว มีความยืดหยุ่น เพื่อช่วยให้มั่นได้ว่าคุณจะมีพื้นที่การทำงานที่ตรงความต้องการและพร้อมรับกับความสำเร็จต่อไป
ค้นหาพื้นที่ที่ใช่สำหรับคุณวันนี้กับ Regus!
