รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารดูจะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นขึ้นมาทันที เมื่อเจ้าของบัญชีต้องการทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง ที่เด่นชัดก็คือการขอสินเชื่อกู้ยืมเงินจากธนาคาร การสมัครเปิดบัญชีกับบริษัทโบรกเกอร์เพื่อซื้อ-ขายหุ้น ที่จำเป็นต้องมีการพิจารณาการเดินบัญชีเพราะว่าผู้ให้บริการต้องการความมั่นใจว่า ผู้จะกู้นั้นมีความสามารถหรือมีความน่าจะสามารถในการชำระหนี้ได้ ผู้ที่ต้องการวางแผนไปยังอนาคตจึงควรรู้ถึงความสำคัญของการเดินบัญชีธนาคารซึ่งคงไม่สามารถปรับแต่งกันได้ในระยะสั้น ถ้าขาดความเข้าใจหรือแก่นแท้ของการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement)
รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคาร มีความสำคัญอย่างไร
การเดินบัญชีธนาคารเป็นเหมือนบันทึกการเดินทางของกระแสเงินสดของเจ้าของบัญชีธนาคารนั้น มีการบันทึกวันเดือนปีของธุรกรรมทางการเงิน รายการจำนวนเงินฝาก ถอนและโอน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้วและไม่สามารถตกแต่งเปลี่ยนแปลงได้ ผู้ที่จะให้กู้เงิน เช่น ธนาคาร มีสิทธิ์ขอเอกสารการเดินบัญชีธนาคารจากผู้ที่ต้องการกู้เงิน เอกสารการเดินบัญชีธนาคารจึงมีความสำคัญในแง่ของหลักฐานที่ช่วยยืนยันสถานะทางการเงินของบุคคล
ทำไมธนาคารจึงต้องการพิจารณารายละเอียดการเดินบัญชีธนาคาร
ธนาคารหรือผู้ให้กู้เงินมีภาระความเสี่ยงหลังจากอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งสองทางคือเป็นหนี้ที่ดีและหนี้เสีย หนี้เสียคือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับธนาคารและอาจจะไม่สามารถติดตามเงินต้นคืนมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ธนาคารจึงต้องมีความรอบคอบและต้องการความมั่นใจก่อนการอนุมัติสินเชื่อให้กับธุรกิจหรือบุคคลธรรมดา ซึ่งรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารเป็นสิ่งเดียวที่แสดงหลักฐานการหมุนเวียนเงินเข้าออกบัญชีของเจ้าของบัญชี โดยธนาคารเองก็มีหลักการวิเคราะห์รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคาร ทั้งจำนวนเงินที่ฝากเข้าและถอนออก ความสม่ำเสมอ พฤติกรรมการถอนเงิน ยอดเงินคงเหลือ และรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ
ทำไมบริษัทโบรกเกอร์ต้องการรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคาร
การเปิดบัญชีกับบริษัทโบรกเกอร์เพื่อจะทำการซื้อขายหลักทรัพย์ก็จำเป็นต้องใช้รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารเช่นกัน ซึ่งก็มีหลักเกณฑ์พิจารณาที่เข้มงวดแตกต่างกัน ถ้าเป็นบัญชีแบบ Cash Balance หรือใช้ตามจำนวนเงินจริงที่มีการฝากไว้กับโบรกเกอร์ก็เข้มงวดน้อยกว่าบัญชีแบบ Credit Balance ที่มีการกู้ยืมเงินส่วนหนึ่งหรือยืมหุ้นจากโบรกเกอร์ โบรกเกอร์จะพิจารณา Bank Statement เพื่อดูศักยภาพของผู้ขอเปิดบัญชี ถ้ามีความเหมาะสมจึงจะอนุมัติการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้
รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารที่ดีควรเป็นอย่างไร
การเดินบัญชีธนาคารนั้นไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยมากธนาคารหรือบริษัท จะขอแบบย้อนหลัง 6 เดือน เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด และพิจารณาหลายเดือนติดต่อกัน เพื่อดูความสม่ำเสมอและรูปแบบหรือแพทเทิร์นในลักษณะซ้ำ ๆ กันเพื่อเปรียบเทียบ รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารที่ดีควรมีเงินฝากเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เช่น บัญชีที่ใช้รับเงินเดือน เงินโอนจากค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ
นอกจากเงินฝากแล้ว การโอนเงินและถอนเงินก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีการพิจารณา อย่างน้อยต้องถอนให้น้อยกว่าเงินที่เข้ามาในแต่ละเดือน จำนวนเงินและจำนวนครั้งที่ถอน จะถูกนำไปพิจารณาถึงพฤติกรรมการใช้เงิน ที่สำคัญควรมีเงินคงเหลือแต่ละเดือนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เช่น ปลายเดือนมกราคมเหลือเงินสะสม 25,000 บาท ต่อมาปลายเดือนกุมภาพันธ์เหลือเงินสะสม 27,000 บาท เดือนมีนาคมเหลือเงินสะสม 30,000 บาท ก็เข้าลักษณะว่าเป็นการใช้เงินที่น้อยกว่ารายจ่าย
บุคคลสามารถตกแต่งรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารได้หรือไม่
เนื่องจากรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารเป็นสิ่งที่บันทึกธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านไปแล้ว บุคคลจึงไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ ถ้ามีการปลอมแปลงเอกสารการเดินบัญชีธนาคารก็เป็นเรื่องที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่บุคคลสามารถสร้างการเดินบัญชีธนาคารในอนาคตได้ โดยการตั้งเป้าหมาย เช่น คาดว่าจะขอกู้เงินจากธนาคารเดือนมกราคมปีหน้า ก็ต้องเริ่มฝากเงิน-ถอนเงินอย่างเป็นระบบตั้งแต่เดือนพฤษภาคมในปีนี้ โดยระมัดระวังการถอนเงินแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือโอนเงินเล่นข้ามบัญชีตัวเองเพื่อเติมเต็มหน่วยจุดทศนิยม เช่น 0.23 บาท ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้เป็นเรื่องผิดสังเกตที่ธนาคารจะดูอย่างละเอียด
ความจริงแท้ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคาร
จริงอยู่ที่บุคคลสามารถสร้างรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารของตนเองได้ในรอบระยะเวลา 6 เดือนล่วงหน้าก่อนยื่นเรื่องขอกู้เงินธนาคาร เช่น การยืมเงินสดจากคนใกล้ชิดมาเข้าบัญชีและถอนออก ฝากเข้าหมุนเวียนกันไป แต่จะไม่มีประโยชน์เลยในระยะยาวเพราะว่ากำลังหลอกตัวเอง รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารควรจะมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดและเป็นไปตามพฤติกรรมของตนเองอย่างแท้จริง
การพยายามสร้างรายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารที่สวยหรูเป็นเพียงเปลือกนอกและไม่เกิดประโยชน์ภายใน ควรจะปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงินที่แท้จริงของตนเองมากกว่า เช่น ทำงานที่มีรายได้สม่ำเสมอและวางแผนการใช้เงิน คุณควรจะรู้ว่าจะเหลือเงินเท่าใด ใช้จ่ายเงินเท่าใด เช่น รู้ว่าต้องใช้จ่ายเดือนละ 30,000 เมื่อเดือนนั้นมีเงินรายรับ 50,000 คุณก็อาจจะวางแผนการถอนเงิน 2-3 ครั้งต่อเดือน เช่น ครั้งละ 10,000 หรือ 15,000 บาท เป็นต้น
และลดการถอนเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สื่อให้เห็นว่าคุณขาดการวางแผนใช้จ่ายเงิน แต่ต้องไม่เป็นการออกแบบมากเกินไปจนดูขาดความเป็นธรรมชาติ
การใช้เงินอย่างมีแบบแผนทั้งการจัดการรายรับและวิธีการใช้จ่ายเงินของคุณตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง จะทำให้รายละเอียดการเดินบัญชีธนาคารมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยมีกรอบกว้าง ๆ กำหนดไว้ก็เพียงพอ เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่การออกแบบ Bank Statement แต่เป็นการออกแบบวิธีการใช้จ่ายเงินของคุณเองต่างหาก ซึ่งถ้าทำได้ดีก็จะเป็นรากฐานของความสำเร็จทางการเงินในระยะยาวต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com และ MoneyHub
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อ ขายบ้าน หรือ อยากได้บ้านใหม่ ในราคาที่ไม่สูงมาก สามารถเข้าดูได้เลยที่ https://www.dotproperty.co.th