โครงการที่พักอาศัยสุดหรูในไอคอนสยาม
‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’
เปิดให้จองพร้อมกันในกรุงเทพฯ ฮ่องกง ลอนดอน
ทำลายทุกสถิติความหรูหราและราคา
- หนึ่งในเรสซิเดนซ์ที่หรูหราที่สุดในโลก จำนวน 146 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 130 – 230 ตารางเมตร และเพนท์เฮาส์ขนาดตั้งแต่ 380 – 710 ตารางเมตร ทุกยูนิตมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและสวนขนาด 4,600 ตารางเมตรแบบไม่มีอะไรมาบดบัง
- เพิ่มเงินลงทุนเป็น 9,000 ล้านบาท – เพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาทจากวันที่ประกาศเปิดตัวโครงการในเดือนตุลาคม 2557
- พร้อมเปิดให้เข้าพักในปี 2561
วันนี้ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกาศพร้อมกันในกรุงเทพฯ ฮ่องกง และลอนดอน ว่า ขณะนี้โครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดให้ผู้สนใจจองซื้อได้แล้ว
ที่พักอาศัยสุดหรู แบบฟรีโฮลด์ ริมฝั่งแม่น้ำ จำนวน 146 ยูนิต อยู่ในอาคารที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตั้งอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับโรงแรมระดับตำนานอย่าง แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ บนพื้นที่โครงการไอคอนสยาม แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยได้รับการบริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัยโดยแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ที่มีเลื่องชื่อ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์สุดหรูหรา
นางทิพพาภรณ์ เจียรวนนท์ อริยวรารมย์ กรรมการ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างด้วยมาตรฐานความหรูหราระดับสูงสุด เมื่อประกอบกับทำเลที่ตั้งที่สวยงามมีมนต์เสน่ห์ ทำให้โครงการที่พักอาศัยแห่งนี้ จัดอยู่ในกลุ่มที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งโครงการที่พักอาศัยแห่งนี้ จะช่วยยกระดับชื่อเสียงและเกียรติภูมิของกรุงเทพฯ ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น ในฐานะเมืองสำหรับที่พักอาศัย ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงประกาศเปิดตัวโครงการพร้อมกัน ในอีกสองเมือง ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของแหล่งที่พักอาศัยระดับหรูหราแถวหน้าของโลก”
นางทิพพาภรณ์ กล่าวว่า “เราทุ่มงบลงทุนเต็มที่แบบไม่อั้น โดยเงินลงทุนที่เราใช้ต่อพื้นที่ขายหนึ่งตารางเมตรนั้น เป็นจำนวนเงินมากกว่าเกือบ 30% ของจำนวนเงินที่โครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดโครงการอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ใช้กัน เราได้เพิ่มเงินลงทุนรวมของโครงการเป็น 9,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาท จากเดิมที่เราประกาศความร่วมมือกับแมนดาริน โอเรียนเต็ล เพื่อติดแบรนด์และบริหารโครงการสุดหรูแห่งนี้เมื่อปีที่แล้ว”
“มากกว่าชื่อเสียงระดับตำนานของแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ลแล้ว โครงการที่พักอาศัยสุดหรูแห่งนี้ยังให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมกับมนต์เสน่ห์ของกลิ่นไอความเป็นไทย ผสมผสานกับการออกแบบและก่อสร้างที่ได้มาตรฐานระดับโลก ตลอดจนความพิถีพิถันและใส่ใจแม้แต่ในรายละเอียดที่เล็กที่สุด เป็นการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมและลงตัวที่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในโครงการเดียว ทำให้โครงการที่พักอาศัยของเรามีความพิเศษที่แตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ และไม่มีใครเหมือน” นางทิพพาภรณ์ กล่าว
อาคารที่พักอาศัยความสูง 52 ชั้นแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการไอคอนสยามเนื้อที่ 50 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการที่พักอาศัยระดับหรูขนาดความสูง 70 ชั้นอีกหนึ่งโครงการ คือ โครงการแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์ และเป็นที่ตั้งของอาณาจักร 2 ศูนย์การค้าแห่งยุคที่สุดของความอลังการล้ำเลิศ ที่หรูหราที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง รวมทั้งสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย รวมทั้งทางเดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
มร. ริชาร์ด เบเกอร์ รองประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติงานภูมิภาคเอเชีย แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป กล่าวว่า “วันนี้ ชื่อเสียงระดับตำนานของแมนดาริน โอเรียนเต็ล จะสามารถเป็นมรดกตกทอดของผู้ซื้อที่พักอาศัยในโครงการที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ในเมืองที่มีสีสันน่าตื่นเต้นเร้าใจที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย พันธสัญญาของแบรนด์เรา คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่เหนือกว่าในการบริหารที่พักอาศัยและการให้บริการด้วยมาตรฐานที่เป็นเลิศที่สุด มาตรฐานที่ทำให้ชื่อแมนดาริน โอเรียนเต็ลเป็นสัญลักษณ์ของมาตรฐานความหรูหราชั้นยอด ทั่วโลก”นายธนวันต์ ชัยวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “คุณภาพของที่พักอาศัยแต่ละยูนิตเทียบเท่าหรือเหนือกว่าที่พักอาศัยที่ดีที่สุดของโลก ซึ่งนั่นทำให้เรามั่นใจว่าโครงการจะได้รับการตอบรับจับจองจากกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ทั่วโลก เป็นกลุ่มคนที่เลือกซื้อความหรูหราขั้นสูงสุด และรู้ดีว่าโครงการที่มีความพิเศษอย่างโครงการของเรา เนื่องด้วยทั้งทำเลที่ตั้งและชื่อเสียงของแบรนด์ เป็นเรื่องยากมากที่จะมีโครงการอื่นมาเทียบเท่า ซึ่งคนกลุ่มนี้ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อเพราะเขาต้องการเป็นเจ้าของ ‘ของสะสม’ ที่หายาก ที่ทำให้พวกเขามีอะไรที่พิเศษและแตกต่าง”
นายธนวันต์ กล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อโครงการของลูกค้ากลุ่มนี้ก็คือคุณภาพของการออกแบบ การก่อสร้าง และบริการต่างๆ รวมถึงความเชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการอาคารจะได้มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง ลูกค้ากลุ่มนี้จะมองเรื่องราคาเป็นเรื่องรอง เนื่องจากรู้ว่าทรัพย์สินหายากแบบนี้อยู่เหนือความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและมีมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลา นั่นคือเหตุผลว่า เราจึงได้รับความสนใจจากลูกค้าจองที่พักอาศัยสุดหรูของเราล่วงหน้า ตั้งแต่เรายังไม่เคาะราคาขาย เป็นจำนวนกว่า 30 ยูนิตจากทั้งหมด 146 ยูนิต”
ราคาขายห้องชุดพักอาศัยในโครงการ อยู่ที่ประมาณ 370,000 บาทต่อตารางเมตร ขนาดตั้งแต่ประมาณ 130 – 230 ตารางเมตรต่อยูนิต ห้องเพนท์เฮาส์ขนาดตั้งแต่ 380 – 710 ตารางเมตร โดยห้องชุดพักอาศัยที่มีราคาแพงที่สุด ถูกตั้งราคาไว้ถึง XXX,000 ล้านบาทต่อยูนิต ตัวอาคารอยู่ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 45 เมตร แต่ละยูนิตสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำที่สวยงาม และสวนสวยที่ร่มรื่นเขียวขจีขนาด 4,600 ตารางเมตรได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง
“ความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกโอ่โถง และพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวางคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เราจัดให้แต่ละยูนิตมีทางเข้าลิฟต์โดยสารที่เป็นส่วนตัว มีเพดานห้องที่สูงถึง 3.20 เมตรและมีพื้นที่ส่วนกลางต่อยูนิตที่ใหญ่กว่าคอนโดมิเนียมเกรดเอส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ประมาณสามเท่า” นายธนวันต์ กล่าว
ผู้พักอาศัยในโครงการจะได้รับความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร จำนวน 4 ชั้น ซึ่งรวมถึงสกายพาวิลเลียนสุดเอ็กซคลูซีฟบนชั้น 36 ประกอบ ด้วยเลาจน์ บิสซิเนสเซ็นเตอร์ และห้องสมุด ส่วนคลับเฮาส์สำหรับผู้พักอาศัยตั้งอยู่บนชั้น 4 และชั้น 5 สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามน่าประทับใจของวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่รับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัว มีสระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบไร้ขอบ (infinity-edge lap pool) อ่างจากุซซี่ ฟิตเนส เซ็นเตอร์สุดล้ำสมัย สนามกอล์ฟจำลอง ห้องเล่นเกม และห้องสื่อต่างๆ
เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ยังเป็นโครงการที่พักอาศัยโครงการแรกที่ริเริ่มนำระบบจอดรถอัตโนมัติในอาคารที่พักอาศัยมาใช้เป็นโครงการแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พักอาศัยสามารถจอดรถทิ้งไว้ที่ล็อบบี้ทางเข้าได้ โดยมีลิฟต์อัจฉริยะอำนวยความสะดวกนำรถไปจอดให้
ห้องชุดพักอาศัยทุกยูนิตเป็นแบบ Fully Fitted คือมีการจัดวางระบบท่อน้ำและงานไฟฟ้าของทั้งห้อง พร้อมเก็บความเรียบร้อยแล้ว และเพิ่มเติมกว่านั้นลูกค้าสามารถเลือกซื้อเป็นแบบ Fully Furnished หรือห้องชุดพักอาศัยที่ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ โดยออกแบบและตกแต่งภายในนักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังของโลก จอยซ์ แวง ซึ่งมีผลงานออกแบบตกแต่งภายในโครงการดังๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล แลนด์มาร์ก ในฮ่องกง แมนดาริน โอเรียนเต็ล ลอนดอน ซินเทียนตี้ เพนท์เฮาส์ และสำนักงานใหญ่เคเอชเอช
สิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้พักอาศัย นอกเหนือจากการได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดสุดหรูหรา ก็คือการได้เป็นสมาชิก Residences Elite Programme ของแมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งมอบสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทั่วโลก และการยอมรับในระดับพิเศษ เมื่อเข้าพักในโรงแรมในเครือแมนดาริน โอเรียนเต็ล
นอกจากนั้น ผู้พักอาศัยในโครงการยังได้รับสิทธิพิเศษและการยอมรับระดับวีไอพี เมื่อใช้บริการหรือ ช้อปกับร้านค้าภายในโครงการไอคอนสยาม
โครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561