เมื่อพูดถึงบริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก หลายคนคงนึกถึง ไนท์ แฟรงก์ (Knight Frank) กันใช่ไหมครับ วันนี้ดอทเลยไม่พลาดที่จะหยิบงานสำรวจ Global Buyer Survey 2021 ที่จัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 10 มิย. ถึง 22 กค. 2021 ที่พูดถึงเรื่องผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และผลสำรวจทัศนคติของผู้ซื้อที่พักอาศัยทั่วโลก การสำรวจนี้สะท้อนมุมมองและความคิดเห็นของลูกค้ากว่า 700 รายใน 44 ประเทศ ซึ่งคิดว่าจะทำให้หลายคนมองเห็นแนวโน้มการซื้ออสังหาฯ แบบภาพใหญ่ในช่วงนี้ โดยมีไฮไลท์คือ…
1 ใน 4 ของผู้ซื้อทั่วโลก สนใจย้ายไปอยู่ ตปท.หนีโควิด
จากผลสำรวจความตั้งใจซื้ออสังหาฯในอนาคต พบว่า 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะย้ายบ้านในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักอาศัยในพื้นที่เดิม 40% และ 26% ตั้งใจจะย้ายที่อยู่ไปในพื้นที่ใหม่ภายในประเทศ และ 34% กำลังพิจารณาที่จะซื้อ อสังหาฯ ในต่างประเทศ โดยสหราชอาณาจักร สเปน และฝรั่งเศสเป็นประเทศ 3 อันดับแรกสำหรับกลุ่มผู้ซื้อที่วางแผนจะย้ายที่พักอาศัยไปต่างประเทศ หลังโควิด-19 สิ้นสุดลง นอกจากนี้นิวซีแลนด์ โปรตุเกส มอลตา และนอร์เวย์ก็มีความต้องการไม่แพ้กัน
ให้ความสำคัญกับการยกระดับที่พักอาศัยหลังหลักของครอบครัว
การยกระดับที่พักอาศัยหลังหลักของครอบครัว ถูกจัดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการซื้ออสังหาฯ ในขณะที่การเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ถูกจัดเป็น อันดับสอง การซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศเป็นอันดับสาม ตามมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจหรือการจ้างงานถูกจัดเป็นอันดับสี่ และผลจากการกักตัวมาเป็นระยะ เวลาหนึ่ง ข้อคิดเห็นที่ได้รับจากผู้ตอบแบบสำรวจ คือ ผู้ซื้อต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยคิดเป็น 45% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านเดี่ยวมากกว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เน้นไปที่บ้านติดริมน้ำ 40% และบ้านในเขตชนบท 37%
ความต้องการด้านรูปแบบการอยู่อาศัยไม่ได้เปลี่ยนไปมาก
จากกลุ่มตัวอย่าง 46% มีแนวโน้มที่จะซื้อบ้านเดี่ยว หรือวิลล่า แต่ความต้องการในการซื้ออพาร์ทเมนท์ก็ยังคงเพิ่มขึ้นที่ 19% จากจำนวน 12% ในปี 2020 ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างกว่า ใหญ่กว่าในทุกเซกเมนท์ รวมถึงความต้องการที่จะมีบ้านชั่วคราวหลังที่สองใจกลางเมืองไว้พักในช่วงระหว่างสัปดาห์ โดยกลุ่มอสังหาที่เป็นที่น่าจับตามองคือ บ้านแนวสกีรีสอร์ตบนภูเขา ที่มีดีมานท์เพิ่มขึ้นถึง 18% จาก 11% ในปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ซื้อชาวเอเชีย และอเมริกาเหนือ ที่มีดีมานท์สูงกว่ามาตรฐานทั่วโลก
นอกจากนี้การอยู่อาศัยในเมือง กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยกลุ่มตัวอย่างที่มีแนวโน้มว่าจะย้ายบ้านใน 12 เดือน จำนวนถึง 38% มีการมองหาทำเลในเมือง ตามมาด้วยจำนวน 33% ที่มองหาทำเลชานเมือง ถัดมาเป็นย่านชนบท 15% และย้ายประเทศไปเลย 13%
มองหาบ้านประหยัดพลังงานมากขึ้น
มีกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากถึง 84% ให้ความสำคัญกับการมองหาบ้านประหยัดพลังงาน โดยมีถึง 28% ในนี้ที่ต้องการซื้อบ้านประหยัดพลังงาน เนื่องจากคำนึงถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่น่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าของบ้านและสถานที่โดยรอบ โดยที่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 27% เต็มใจที่จะจ่ายค่าซื้อบ้านในราคาที่แพงกว่าเพื่อให้ได้มีพื้นที่สีเขียว และประหยัดพลังงานมากขึ้น
คาดหวังราคาปรับลดลง
การสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อคาดว่าราคาอสังหาฯจะปรับลดลงในช่วง 12 เดือนหน้า การคาดการณ์จากไนท์แฟรงค์ ไพร์ม โกลบอล (Knight Frank Prime Global Forecast) ที่จัดทำขึ้นในเดือนเมษายน 2563 แสดงให้เห็นว่าราคาขายเฉลี่ยคาดว่าจะปรับลดลงใน 16 เมืองจาก 20 เมืองในปี 2563 56% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าราคาขายอสังหาฯ จะปรับลดลงในช่วง 12 เดือนหน้า ซึ่ง 27% คาดว่าราคาขายจะปรับลดลงน้อยกว่า 10% ในขณะที่ 25% คาดว่าราคาขายจะคงที่ และ 19% คาดว่าราคาขายจะปรับเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ 53% ของผู้ซื้อเชื่อว่างบของพวกเขายังคงเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เริ่มมีการระบาด ช่วงการล็อคดาวน์ทำให้พวกเราใช้จ่ายน้อยลง จึงมีแนวโน้มว่าผู้ซื้อจะใช้จ่ายน้อยลงและประหยัดมากขึ้น อย่างไรก็ตามมีมากกว่า 30% ชี้ว่างบของพวกเขาลดลงกว่า 10% ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจและบริษัทต่างๆ มีการปรับลดเงินเดือน การลดชั่วโมงการทำงาน หรือการเลิกจ้าง
ที่มา : https://content.knightfrank.com/research/2039/documents/en/global-buyer-survey-2021-8382.pdf