อย่างที่ทราบกันดีว่าวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พอสมควร ทั้งยอดซื้อลด การก่อสร้างต้องหยุดชะงัก หรือลูกค้ากู้ไม่ผ่าน ทำให้สินค้าเหลือค้างสต็อก ดังนั้นถ้าอยากอยู่รอดก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์ อย่าง 3 ดีเวลอปเปอร์ดัง ที่ได้แตกไลน์ธุรกิจ คิดกลยุทธ์สร้างความแตกต่างให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวาง บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงกลยุทธ์ที่น่าสนใจของแต่ละแบรนด์ ว่าปรับตัวกันอย่างไร อะไรคือจุดที่ทำให้ต้องเปลี่ยน
ชาญอิสสระ: เวลเนส เซอร์วิสคอนโด & CI โทเคน
บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นดีเวลอปเปอร์ที่แตกไลน์ธุรกิจด้วยการสร้างเวลเนส เซอร์วิสคอนโด ให้บริการสุขภาพกับผู้พักอาศัย อาทิ ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี บริการเวลเนส เซอร์วิส แพคเกจ โดยศรีพันวา เช่น บริการนวดผ่อนคลาย บริการสปาบำบัด เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ และยังมีห้องพยาบาลส่วนกลางเพื่อบริการรองรับและช่วยเหลือเบื้องต้นด้วย โดยนำร่องพัฒนารูปแบบดังกล่าวนี้ที่โครงการบลูไดมอนด์ ในอาณาจักรทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน จำนวน 40-50 ยูนิต และหากให้ผลลัพธ์ที่ดีก็เตรียมขยายเพิ่มไปยังพื้นที่ทิวทะเล และย่านลาดกระบัง
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ชาญอิสสระคิดกลยุทธ์สร้างความแตกต่างในครั้งนี้ นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ชาญอิสสระ กล่าวว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ เกิดจุดเปลี่ยน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับบ้านเดี่ยวที่มีความปลอดภัย มีพื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชั่นภายในบ้านตอบสนองกับไลฟ์สไตล์มากกว่าคอนโดมิเนียม ชาญอิสสระจึงต้องสร้างจุดขายให้กับสินค้าที่มีอยู่ในมือแล้วด้วยการสร้างเวลเนส เซอร์วิสคอนโด”
นอกจากนั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาแนวทางในการออกเหรียญ CI คริปโทเคอเรนซี หรือ CI ดิจิทัลโทเคน ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันประเภทโรงแรมและอาคารสำนักงาน เพื่อระดมทุนเงินทุนนำเงินรองรับมาการพัฒนาโครงการในอนาคตด้วย เพราะมองเห็นโอกาสในการที่ใช้การระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อมารองรับการพัฒนาโครงการ จากการที่สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
แอลพีเอ็น: LSS โซลูชั่นส์
ทางด้านบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ก็คิดกลยุทธ์สร้างความแตกต่างในยุคโควิดด้วยเช่นกัน โดยเดินหน้าแตกไลน์ธุรกิจบริการอย่างครบวงจร ลุยธุรกิจบริการ จัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย แอล เอส เอส โซลูชั่นส์ (LSS) เพื่อสนับสนุนการบริการชุมชนครบวงจร ซื้อที่อยู่อาศัย แถมความปลอดภัยในมาตรฐานสากล ด้วยจุดเด่น คือ นำเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยมาใช้ควบคู่กับบุคคลากรคุณภาพ สร้างความแตกต่างจากบริษัทรักษาความปลอดภัยทั่วไป ผ่านการรักษาความปลอดภัยด้านอิเลคโทรนิคและระบบงาน (Electronic Security & System: ESS) เช่น มีการติดตั้ง เฝ้าระวัง ควบคุมดูแล ผ่านกล้องวงจรปิด Smart CCTV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย ทั้งในส่วนของบุคคลากรและเทคโนโลยีควบคู่กันได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้ ขณะเดียวกันลูกค้าก็ได้งานรักษาความปลอดภัยที่มีคุณภาพดีขึ้น ถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจที่ช่วยเสริมบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นและสร้างความเติบโตในระยะยาว
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์ บมจ. แอลพีเอ็น เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจรักษาความปลอดภัยมีส่วนสำคัญมากสำหรับองค์กรต่างๆ และยังมีมูลค่าทางธุรกิจที่สูง ซึ่งการที่กลุ่ม LPN มีบริษัทรักษาความปลอดภัยเป็นของตัวเอง นอกจากการดูแลเรื่องต้นทุนได้แล้ว ยังสามารถบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพของบุคคลากรที่ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจว่า LSS จะสามารถเติบโตได้โดยอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่ของ LPN ในการขยายธุรกิจ ทั้งทางด้านความมั่นคงทางการเงิน ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ รวมถึงฐานลูกค้าที่มีและพันธมิตรในการทำธุรกิจ
พฤกษา: เดินหน้าธุรกิจสุขภาพ
อีกหนึ่งแผนงานแตกไลน์ธุรกิจที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือการเดินหน้าสู่ธุรกิจสุขภาพของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งสร้างปรากฏการณ์สำคัญ ด้วยการลงทุนสร้างโรงพยาบาลวิมุตกว่า 5,000 ล้านบาท และกำลังมีแผนจะเปิดมากกว่า 1 สาขา เพื่อกระจายความเสี่ยงของธุรกิจในยุคโควิด-19 ดึงความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจากคณะแพทย์เข้ามาดูแลสุขภาพของลูกบ้านพฤกษาอย่างครบวงจร โดยการสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานตามเทรนด์ของโลกที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในวันนี้และอนาคต ซึ่งก็คือเทรนด์การใส่ใจด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
โรงพยาบาลวิมุต เป็นสถานพยาบาลระดับตติยภูมิ ขนาด 236 เตียง 18 ชั้น บนทำเลใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ บนพื้นที่ขนาด 4 ไร่ ริมถนนพหลโยธิน ใกล้สี่แยกสะพานควาย ให้การรักษาโรครุนแรงและซับซ้อน โเน้นให้การรักษาด้านหัวใจและหลอดเลือด สมอง เบาหวาน กระดูกและข้อ ทางเดินอาหารและตับ และกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ รวมทั้งให้บริการทางด้านการแพทย์เพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ เตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน และมีแอปพลิเคชัน ViMUT เพื่อสร้างความสะดวกรวดเร็วและทันสมัยในการรับบริการ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเช็คประวัติการรักษาแบบส่วนตัวหรือดูตารางนัดหมายแพทย์ ทำนัดด้วยตัวเอง บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ และใช้บริการส่งยาหรือฉีดวัคซีนถึงบ้านได้ โดยทางโรงพยาบาลจะมอบสิทธิพิเศษให้เฉพาะลูกบ้านในโครงการพฤกษา เช่น ส่วนลดค่ายาและค่าห้อง ส่วนลดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ บริการรถพยาบาลฉุกเฉินในระยะทางที่กำหนด โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น
นอกจากนี้ พฤกษายังเตรียมแตกไลน์ธุรกิจเปิดศูนย์บริการสุขภาพด้านหน้าโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อสร้างจุดขายใหม่ให้แบรนด์ โดยมีแผนระยะยาวที่จะทำให้คนในชุมชนใกล้เคียงโรงพยาบาลและใกล้เคียงโครงการพฤกษาสามารถเข้าถึงศูนย์สุขภาพ อาทิ คลินิก ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้านได้ โดยมีโรงพยาบาลวิมุตเป็นศูนย์กลางการรักษาระดับสูง เริ่มนำร่องที่โครงการเดอะ ปาล์ม บางนา-วงแหวน ย่านถนนสุขาภิบาล 2 ซึ่งจะเปิดขายในไตรมาส 3/64 นี้ อีกทั้งยังได้ร่วมทุนในโรงพยาบาลเทพธารินทร์ พระราม 4 เพื่อเสริมจุดแข็งด้านการดูแลคนไข้เฉพาะทางด้วย ซึ่งจากการร่วมทุนดังกล่าวจะทำให้พฤกษามีโรงพยาบาลในพอร์ตเป็น 2 แห่ง และมีเตียงรองรับผู้ป่วยกว่า 300 เตียงแบ่งเป็นโรงพยาบาลวิมุตติ 236 เตียง โรงพยาบาลเทพธารินทร์ 100 เตียง
แตกไลน์ธุรกิจ คือกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการอยู่รอดในยุควิกฤต ซึ่งทั้ง 3 ดีเวลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ได้ทำให้เห็นแล้วว่าใครมองการณ์ไกล คิดได้เร็ว และทำได้ไว ก็มีโอกาสจะก้าวต่อไปได้มากกว่า เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของวงการธุรกิจที่น่าเรียนรู้และนำไปปรับใช้มากทีเดียว
…..
ที่มา:
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/939284
https://www.infoquest.co.th/2021/89285
https://www.vimut.com/about-vimut
https://www.reic.or.th/News/RealEstate/453568
https://www.prachachat.net/property/news-671274
https://positioningmag.com/1320344