DotProperty.co.th

แนวโน้มลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังการรัฐประหาร

หลังจากเกิดเหตุการณ์ รัฐประหารในบ้านเรา เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบและเดินหน้าได้ต่อในทุกๆภาคส่วนของเศรษฐกิจรวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งแนวโน้มน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี จึงมีนักวิเคราะห์และเชี่ยวชาญในด้านอสัหาริมทรัพย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นในการลงทุนที่มีแนวโน้มที่จะทำกำไรและรายได้ในอนาคต

 

 

 

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและผู้อำนวยการหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด  ได้กล่าวกับแหล่งข่าวและแสดงความคิดเห็นแนะนำในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์สำหรับสร้างรายได้ในอนาคตไว้ว่า การลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยให้เช่า เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรต่างๆ เพราะแนวโน้มในการต้องการที่พักอาศัยหลังจากการเปิด AEC นั้นมีความต้องการอย่างมาก และ ขณะที่ราคาคอนโดมิเนียมก็สูงขึ้น เพราะราคาที่ดินสูงขึ้นด้วยมีที่ดินจำกัด ต้นทุนต่างๆแพง และ ปัญหาจากการเมืองส่งผลดีเพราะยอดการเปิดโครงการลดลง เท่าที่มีอยู่ราคาก็ยังไม่สูง นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อและทำกำไรพร้อมรายได้จากการปล่อยเช่าได้

ย้อนหลังไปไม่กี่ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมต่างๆผุดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในย่านธุรกิจอย่าง สีลม,สาทร,พระราม 3 มีเปิดโครงการมากขึ้น 2,000-4,500 ยูนิตต่อปี คิดเป็น 4-8% ของคอนโดมิเนียมทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯ  และทั่วกรุงเทพนั้นมีคอนโดมิเนียมมากถึง  63,628 ยูนิต ในปี 2556 จำนวนคอนโดมิเนียมดังกล่าวแบ่งเป็นคอนโดมิเนียมเกรด C มีส่วนแบ่ง 44%, เกรด B จำนวน 29%, เกรด A% จำนวน 17% และ ราคามีการขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา ส่วนแนวโน้มของการเช่านั้น โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพนั้นมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติที่มีการลงทุนในบ้านเราและคนที่ต้องทำงานในเขตเมือง ซึ่งมักทำสัญญาเช่าลักษณะปีต่อปี รวมถึงการทำสัญญาแบบระยะสั้นๆ ซึ่งค่าเช่าก็จะแตกต่างกันออกไป

ซึ่งคอนโดมิเนียมในเขตธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องการห้องพักในลักษณะห้องชุดแบบ 1 ห้องอนซึ่งมีการแข่งขันในด้านราคาเช่าค่อนข้างดุเดือดพอสมควร และ ตามกฎหมายนั้นเจ้าของห้องต้องซื้อเก็บไว้เป็นเวลา 5 ปีเพื่อเลี่ยงภาษีธุรกิจเฉพาะ (SBT) สำหรับการขายคอนโดมิเนียม ดังนั้น จึงควรมองการลงทุนคอนโดมิเนียมเป็นการลงทุนระยะยาวที่ได้ประโยชน์จากทั้งผลตอบแทนค่าเช่า และการเพิ่มมูลค่าของทุนที่เป็นไปได้ด้วย ส่วนมากจึงมักปล่อยเช่าในระยะเวลาดังกล่าว ก่อนที่จะนำออกขายทอดตลาด และ ราคาค่าเช่านั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และ ขนาดของห้อง ซึ่งบางแห่งนั้นมีการปล่อยเช่าในราคาสูงถึง 50,000 บาทต่อเดือนกันเลยทีเดียว

ดังนั้นจากราคาคอนโดที่ชะงักมาหลังเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้โครงการเปิดใหม่น้อยลง ที่มีอยู่ยังขายไม่หมดก็จัดโปรโมชั่นลดราคาพร้อมแถมเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ หรือ ฟรีโอน ฟรีดาวน์ ต่างๆนั้น ทำให้แนวโน้มหลังจากเหตุการณ์ต่างๆสงบลงน่าจะขายได้มากขึ้น และ นักลงทุนต่างๆเริ่มหันกลับมาลงทุนมากขึ้น และ ความต้องการที่อยู่อาศัยต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และ การลงทุนปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจอีกช่องทางหนึ่ง และ สามารถทำรายได้ในระยะยาวพร้อมทั้งเก็บเป็นสินทรัพย์หรือมรดกให้ลูกหลานได้อีกด้วย