แอร์มีกี่ประเภท เลือกยังไงให้ได้ประสิทธิภาพเหมาะกับห้องต่างๆ ในบ้านที่สุด

เครื่องปรับอากาศหรือแอร์กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้สำหรับคนไทยไปซะแล้ว เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกือบตลอดปีของเมืองไทยทำให้การเลือกซื้อแอร์ติดบ้านสักเครื่องกลายเป็นเรื่องสำคัญ ไหนจะต้องเลือกซื้อแอร์ที่ประหยัดไฟ ให้ความเย็นที่พอเหมาะ และมีขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง แต่นอกจากนั้นแล้วถ้าเรารู้จักชนิดของแอร์ก็จะยิ่งช่วยให้สามารถเลือกซื้แอร์ได้เหมาะกับบ้านยิ่งขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า แอร์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร มีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง เพื่อให้สามารถเลือกแอร์ที่เหมาะกับบ้านได้มากที่สุด

แอร์มีกี่ประเภท ? ทำความรู้จัก 6 ประเภทแอร์บ้าน รู้ก่อนเลือกซื้อได้เหมาะสมกว่า

  1. แอร์ติดผนัง (Wall type) 

สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่าแอร์มีกี่ประเภท ลองมาดูประเภทแรกกันก่อนกับแอร์ที่เราเห็นได้บ่อยที่สุดอย่างแอร์ติดผนัง เป็นแอร์ที่มีรูปแบบเล็ก กะทัดรัด เหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องที่มีพื้นที่น้อย เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือคอนโดขนาดเล็ก มีความทันสมัย ติดตั้งง่ายและทำงานได้เงียบไม่ค่อยมีเสียงรบกวน แต่ข้อเสียก็คือไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ หรือการเปิดต่อเนื่องตลอดวัน เพราะคอยล์เย็นของแอร์ชนิดนี้มีขนาดเล็กนั่นเอง

  1. แอร์แบบแขวนหรือแบบตั้ง (Ceiling/Floor type) 

แอร์ประเภทนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่ห้องนอนที่มีขนาดเล็กไปจนถึงห้องที่มีพื้นที่กว้างอย่างห้องสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร เพราะมีหลายขนาดให้เลือกตามความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ มีความสามารถในการระบายลมได้ดี แต่ข้อเสียก็คือเรื่องของดีไซน์ที่อาจมีให้เลือกไม่มากเท่าไรนัก

  1. แอร์แบบเคลื่อนที่ (Movable type) 

ใครที่อยากรู้ว่าแอร์มีกี่ประเภท แล้วมีแอร์ประเภทไหนที่ใช้ง่าย ไม่ต้องติดตั้ง สามารถเสียบปลั๊กแล้วใช้ได้เลยต้องลองมาดูแอร์แบบเคลื่อนที่ได้ เพราะแอร์ประเภทนี้มีขนาดเล็ก กะทัดรัด และมีดีไซน์แบบติดล้อ ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่ต้องการได้สะดวก ใช้ได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งขอแค่มีปลั๊กไฟ เหมาะสำหรับใช้ทำความเย็นเฉพาะจุด แต่ข้อเสียก็คือกำลังไฟต่ำจึงทำความเย็นได้น้อย และยังไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่หรือห้องกว้างๆ ด้วย

  1. แอร์แบบหน้าต่าง (Window type) 

สำหรับแอร์บ้านทั่วไปแล้วเราอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับแอร์แบบหน้าต่างเท่าไร แต่ถ้าคุณลองนึกถึงหน้าต่างแอร์ตามรีสอร์ท โรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้าหล่ะก็อาจจะพอคุ้นเคยกันอยู่บ้างใช่ไหมหล่ะ แอร์แบบนี้เป็นการรวมเอาอุปกรณ์ต่างๆ ของแอร์ เช่น ยูนิต แฟนคอยล์ และส่วนประกอบอื่นๆ เอาไว้ในที่เดียว สามารถติดตั้งโดยฝังไปที่ผนังได้เลย มีข้อดีคือติดตั้งง่ายเพราะไม่ต้องวางระบบท่อเดินน้ำยาแอร์ มีประสิทธิภาพการทำความเย็นสูงมากและไม่มีความร้อนแทรกผ่านท่อน้ำยา แต่ข้อเสียก็คือต้องเลือกติดตั้งบริเวณที่ผนังแข็งแรง และอาจมีเสียงดังรบกวนจากการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ ใครที่สงสัยว่าแอร์มีกี่ประเภท นี่ก็คือแอร์อีกหนึ่งประเภทที่ควรรู้จักค่ะ

  1. แอร์แบบฝังเพดาน (Built-in type) 

สำหรับชนิดของแอร์ที่เป็นชนิดฝังเพดานอาจพบได้ในรีสอร์ทและโรงแรมสมัยใหม่ รวมถึงโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดต่างๆ ก็เริ่มหันมาสนใจการใช้แอร์ฝังเพดานกันมากขึ้น เพราะเหมาะกับห้องที่ต้องการเน้นเรื่องความสวยงามและการตกแต่งภายใน เนื่องจากส่วนประกอบต่างๆ ของแอร์จะถูกซ่อนหรือฝังไว้บนเพดานแล้วเรียบร้อย แต่ข้อเสียก็คือติดตั้งยากและยังทำความสะอาดยาก การทำความสะอาดด้วยตัวเองอาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก

  1. แอร์แบบตู้ตั้งพื้น (Package type) 

ปิดท้ายชนิดของแอร์กับแอร์แบบตู้ตั้งพื้นที่มีลักษณะเป็นทรงสูงคล้ายตู้ ให้กำลังลมแรง ประสิทธิภาพการทำความเย็นดี เหมาะกับบริเวณที่มีคนเข้าออกตลอดเวลาหรือบริเวณที่เป็นที่โล่งกว้าง เช่น ในงานอีเวนท์ ร้านอาหาร ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ข้อดีของแอร์แบบนี้คือตั้งพื้นแล้วใช้ได้เลย ไม่ต้องติดตั้ง สามารถสร้างลมเย็นได้เร็ว แต่ข้อเสียคือกินที่ ไม่เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัด

03(3)(1)

จำแนกตามระบบการทำงาน แอร์มีกี่ประเภท ?

  1. แอร์อินเวอร์เตอร์ (Inverter) 

เมื่อเอ่ยถึงแอร์อินเวอร์เตอร์คนรุ่นใหม่คงรู้จักกันดี เพราะแอร์ประเภทนี้เน้นการทำงานแบบประหยัดไฟ เป็นแอร์ที่คอมเพรสเซอร์ทำงานด้วยกระแสไฟต่ำตลอดเวลาโดยไม่มีการตัดไฟเหมือนแอร์ปกติ การทำงานของแอร์อินเวอร์เตอร์จึงไม่มีการกระชากไฟเมื่อต้องเดินเครื่องเพื่อทำความเย็นอีกครั้ง อัตราการกินไฟจึงต่ำมาก ช่วยประหยัดค่าไฟได้ดี ทำงานเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน ให้อุณหภูมิเย็นแบบสม่ำเสมอ แต่คนที่ชอบอุณหภูมิแบบเย็นจัดอาจไม่ชอบแอร์ประเภทนี้ค่ะ

  1. แอร์ธรรมดา (Non Inverter)

แอร์ระบบธรรมดาหรือ Non Inverter คือ แอร์ที่มีคอมเพรสเซอร์แบบตัดการทำงานและเริ่มเดินเครื่องใหม่อีกครั้งเมื่อต้องการทำความเย็น ทำให้มีการกระชากไฟเป็นระยะๆ และแน่นอนว่ากินไฟกว่าระบบอินเวอร์เตอร์ แต่ข้อดีก็คือสามารถทำความเย็นได้ฉ่ำและให้ลมแอร์ที่แรง เหมาะกับห้องที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ห้องเซิฟเวอร์ ร้านอาหาร เป็นต้น

ใครที่สงสัยว่าแอร์มีกี่ประเภทก็คงได้คำตอบไปแล้ว อย่าลืมเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับขนาดของห้อง และเลือกประเภทของแอร์ที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของเราที่สุด เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดไฟทุกครั้งที่ใช้งานด้วยนะคะ