ใครว่าเป็นเจ้าของธุรกิจยุคนี้เป็นเรื่องยาก?…จากนี้ความหวังจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ทั้งปังแถมโตไวแบบยั่งยืน จะไม่ใช่โจทย์หินอีกต่อไป แค่ลองนำเทคนิคที่ใครๆก็ทำได้ อย่างการสร้าง “Working Culture” ที่ดีไปใช้ปลดล็อกบรรยากาศออฟฟิศสี่เหลี่ยมแบบเดิมๆที่ทำให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนขยาด มาเป็น โฮมออฟฟิศ ในฝันที่ใครๆก็อยากตื่นมาทำงานด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม แล้วคุณจะพบว่า ผลแห่งความสุขนี้ส่งพลังบวกไปถึงผลงานของพนักงาน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของคุณ
“Working Culture” อาวุธลับของโลกธุรกิจ
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมการสร้าง “Working Culture” ที่ดี ถึงขั้นเป็นหนึ่งในบันไดพาให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ? คำตอบที่มี คงคล้าย ๆ กับแรงบันดาลใจของเหล่าซีอีโอบริษัทชั้นนำของโลก อย่าง Google, Facebook, Instagram, Spotify หรือแม้แต่ Uber แน่นอนว่า ซีอีโอที่มีไอเดียล้ำ จนพลิกโลกใบเก่าจากหน้ามือเป็นหลังมือเหล่านี้ ไม่ได้แค่เนรมิตออฟฟิศสวยๆ สร้าง Working Culture เก๋ๆ ที่พร้อมให้ทุกคนสาดไอเดียสร้างสรรค์แบบนอกกรอบได้โดยไม่ต้องยั้ง เพื่ออยากเป็นข่าว แต่พวกเขาแค่เชื่อและพิสูจน์ให้เห็นว่า งานวิจัยชั้นนำของโลกหลายฉบับที่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “Working Culture” มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานนั้นเป็นเรื่องจริง!
อย่างน้อยๆก็มีตัวเลขชี้ชัดเลยว่า หากพนักงานได้ทำงานอย่างมีความสุข ประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) จะสูงขึ้น 33% ยิ่งถ้าพนักงานมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ยิ่งทำให้รู้สึกผูกพันกับงานที่ทำมากกว่าปกติถึง 7 เท่า แถมยังลาป่วยน้อยกว่าพนักงานที่ทำงานแบบอมทุกข์ถึง 10 เท่า
“โฮมออฟฟิศ” ทางเลือกที่ใช่สำหรับเจ้าของธุรกิจ
ย้อนกลับมาสำรวจองค์กรบ้านเรา จะเห็นว่าองค์กรใหญ่ๆหลายแห่งเริ่มมีการนำแนวคิดการสร้าง Working Culture ที่ดีมาปรับใช้แล้ว เช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจรายย่อย หรือ ผู้ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจที่คิดจะนำแนวคิดนี้มาใช้ บอกเลยว่ามาถูกทาง เพราะปัจจุบันนอกจากการเช่าออฟฟิศใจกลางเมือง ที่ราคาค่าเช่าอาจจะสูง และไม่คุ้มค่าในระยะยาว ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่าง “โฮมออฟฟิศ” ที่สามารถช่วยสานฝันเจ้าของธุรกิจยุคใหม่เป็นเจ้าของออฟฟิศได้แบบไม่ต้องเช่าเป็นจริงได้ แถมยังมาพร้อมความคุ้มเกินคุ้ม สามารถทั้งอยู่อาศัยและเป็นที่ทำงานได้ในที่เดียวไม่พอ หากถือครองระยะยาวยังเป็นสินทรัพย์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน
ปัจจุบัน “โฮมออฟฟิศ” กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลที่ใครๆก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ จึงมีดีเวลล็อปเปอร์หลายเจ้าหันมาพัฒนาโครงการแนวนี้เพื่อตีตลาด ตอบรับเทรนด์ของออฟฟิศในอนาคตที่จะลบภาพออฟฟิศแบบเก่าๆ ที่ทุกคนนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม มีฉากกั้น จะคุยงานกับแผนกที่เกี่ยวข้องแต่ละทีต้องแบกเอกสารขึ้นบันไดไปหา แบกโน๊ตบุ๊ก กดลิฟต์ไปห้องประชุมชั้นบนสุด มาสู่ออฟฟิศที่ออกแบบสเปซให้มีความยืดหยุ่น ลดความเป็นทางการ ทุกคนในออฟฟิศสามารถติดต่อหรือทำงานเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ช่วยเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในออฟฟิศให้มีการทำงานแบบเป็นทีมเวิร์ค ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวด้วยการแบ่งมุมไพรเวทสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง หรือเป็นโซนสำหรับคิดงานหรือคุยโทรศัพท์นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้ทุกคนมานั่งพักหรือทำกิจกรรมร่วมกัน
ตามไปดู…โฮมออฟฟิศ สไตล์Nirvana @WORK
สำหรับโครงการโฮมออฟฟิศที่เข้าตา และน่าจะตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจได้อย่างไร้ที่ติ Dot Property ขอแนะนำสองโครงการคุณภาพ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ และ Nirvana @WORK รามอินทรา ผลงานการสร้างสรรค์ของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด(มหาชน) ที่ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจยุคใหม่อย่างพิถีพิถัน สามารถรองรับรูปแบบงานธุรกิจได้หลากหลายไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร ก็ Create You Own Culture ออกแบบฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างเต็มที่ทุกตารางเมตร
งานนี้เพื่อให้ทั้งสองโครงการ เปรียบเสมือนกระดาษเปล่าคุณภาพพรีเมี่ยม ที่พร้อมรอให้เจ้าของคนใหม่มาออกแบบและตกแต่งตามจินตนาการ ทางโครงการเลือกนำเปิดขายในรูปแบบอาคารเปล่า แต่ยังคงคอนเซ็ปท์ความคูลแบบเนอวานาไว้ให้ ด้วยการออกแบบในสไตล์ Modern Loft ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังดูดี
Nirvana @WORK ประกอบด้วย Type A และ B และ พิเศษขึ้นอีกขั้น เฉพาะที่ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ จำนวน 48 ยูนิต อีกทั้งยัง มีแบบ Single Unit ที่ให้อารมณ์เหมือนบ้านเดี่ยวมาเป็นทางเลือกอีก 8 ยูนิต ส่วนเจ้าของธุรกิจแนวไหนจะเหมาะกับโฮมออฟฟิศ Type ไหน Dot Property ทำการบ้านและคิดมาเป็นทางเลือกให้แล้ว ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
1.สายครีเอทีฟ เน้นความคิดสร้างสรรค์ พร้อมแล้วลุย ไม่ชอบอยู่ในกรอบ
ถ้าสำรวจธุรกิจตัวเองแล้ว นี่คือนิยามของธุรกิจคุณ ขอแนะนำบ้านตัวอย่าง “Type A” ที่พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของโฮมออฟฟิศขนาด 4.5 ชั้น (พร้อมชั้นลอย) พื้นที่ใช้สอย 452 ตร.ม.เพื่อรวมก๊วนสายครีเอทีฟมาปลดปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าคุณจะเป็นเอเจนซี่การตลาด ประชาสัมพันธ์ สายอีเว้นต์ ที่เน้นการทำตลาดแบบ 360 ทั้งถ่ายภาพ วิดีโอ หรือ พอสต์แคสต์ ก็ลงตัวครบจบในที่เดียวได้
จุดเด่นของ Type A ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรก คือ ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย ด้วยการออกแบบให้ทุกชั้นยกเพดานสูงไม่พอ หนึ่งในจุดเด่นที่บ้าน Type อื่นไม่มีทางฟินเท่า คือ มีโถง 2 โถงที่เพดานสูงเป็นพิเศษ เพราะเชื่อมต่อชั้น 1 กับชั้นลอย และ อีกโถง เชื่อมชั้น 2 และ 3 ซึ่งอยู่ตรงกลางอาคารพอดี กลายเป็นลูกเล่นของอาคารที่ไม่เพียงเพิ่มความแกรนด์ มีกิมมิค ยังสามารถดัดแปลงเพื่อใช้ประโยชน์ของพื้นที่แนวสูงเช่น ห้องสมุด พื้นที่กิจกรรม หรือ ทำเป็นมุมปีนเขาเก๋ๆให้พนักงานได้ทดสอบสมรรถนะร่างกาย เป็นต้น
สำหรับเจ้าของธุรกิจที่เลือก Type A ไม่ต้องกลัวว่า จะเดินขึ้นลงไม่ไหว เพราะทางโครงการจัดช่องลิฟต์ไว้ให้พร้อมสำหรับติดตั้งเองหรือแถมมาพร้อมโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ แต่สำหรับพนักงานที่ขึ้น-ลงไม่กี่ชั้น อาจใช้บันไดในตัวอาคาร สะดวกสบายยิ่งกว่า เมื่อเวลามีแขกมาติดต่อ ไม่ต้องเดินขึ้น-ลงให้เสียเวลา ทางโครงการได้ติดตั้ง Video Door Phone พร้อมรีโมตไว้ให้เรียบร้อย
ปิดท้ายด้วยโซนอยู่อาศัยชั้นบน ทางโครงการทำเป็น 2 ห้องนอน ส่วนพื้นที่ที่เหลือ สามารถจัดสรรเป็นห้องรับแขก ห้องครัวเล็กๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้แบบไม่จำกัด แถมทุกชั้นยังมีห้องน้ำ และพื้นที่จอดรถ 3 คัน
2.สายสตาร์ทอัพ เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสเปซที่เป็นสัดส่วนในการทำงาน
มาถึง Type B ที่ยังคงคอนเซ็ปท์ 4.5 ชั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอย 363 ตร.ม. เปรียบเทียบแล้วอาจจะพื้นที่น้อยกว่า Type A ลงมาเล็กน้อย และไม่มีลิฟต์ในอาคาร แต่อย่างน้อยสำหรับสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ ก็มั่นใจได้ว่าโฮมออฟฟิศแห่งนี้ลงตัวกับการทำงานได้แบบไม่ติดขัดแน่นอน เพราะมาพร้อมสเปซที่มากพอสามารถรองรับพนักงานได้หลายสิบชีวิต ออกแบบพื้นที่ทำงานในแต่ละชั้นได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมุมทำงานแบบเป็นทีม แบบเป็นส่วนตัว ห้องผู้บริหาร ห้องประชุม หรือ โซนต้อนรับสำหรับลูกค้าที่มาติดต่อคุยงาน มีห้องน้ำทุกชั้น และสามารถจอดรถด้านหน้าได้ 2 คัน
3.ธุรกิจอยู่ในช่วงเติบโต ต้องการโฮมออฟฟิศสำหรับทำงานและต้อนรับลูกค้าไม่ขาดสาย
มาถึง Type สุดท้าย สงวนสิทธิเฉพาะผู้ที่สนใจโครงการ “Nirvana @WORK ลาดพร้าว-เกษตร นวมินทร์ กับ Single Unit 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 517 ตร.ม. (1 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ) พร้อมที่จอดรถส่วนตัว 6 คัน มาพร้อมลิฟต์ภายในตัวบ้าน และบันไดที่อยู่นอกตัวบ้านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว
จุดเด่นของโฮมออฟฟิศแบบ Single Unit คือ ออกแบบเหมือนบ้านเดี่ยว ผนังไม่ชิดกับหลังข้างๆ ลดปัญหาเรื่องเสียงรบกวน มีความเป็นส่วนตัวสูง และยังมีพื้นที่รอบบ้านสำหรับออกแบบเป็นพื้นที่สีเขียว
พร้อมพื้นที่โล่งด้านหลังบ้าน กว้างขวางพอจะแปลงไปเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับปาร์ตี้หลังเลิกงาน หรือทำครัวนอกบ้าน ส่วนภายในสามารถดัดแปลงเป็นโซนต้อนรับ ห้องประชุมเล็ก หรือ พื้นที่ทำงานก็ได้
เมื่อขึ้นมาชั้นสองมีพื้นที่ระเบียงที่ได้อาศัยร่มเงาจากชายคาชั้น 3 สำหรับพักสายตา นั่งจิบกาแฟยามเช้า หรือออกมาสูดอากาศยามเช้าและยามเย็นก่อนเข้าไปลุยงานต่อ ส่วนพื้นที่ด้านในสามารถออกแบบเป็นโซนห้องประชุม ห้องผู้บริหาร พื้นที่ทำงานได้ดั่งใจ
ส่วนชั้นบนสุดของโฮมออฟฟิศ สงวนไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายแบบเต็มพื้นที่ราวกับอยู่เพนต์เฮาส์ของคอนโด
ฟังก์ชั่นเจ๋งอย่างเดียวไม่พอ ทำเลต้องเริ่ดด้วย
ค้นพบจุดเด่นของโครงการคุณภาพ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ และ Nirvana @WORK รามอินทรา แล้ว ยังไม่ต้องตัดสินใจ เพราะแค่โฮมออฟฟิศสวยๆ ตอบโจทย์การทำงานอย่างเดียวไม่พอ โลเคชั่นก็ต้องลงตัวสำหรับเจ้าของธุรกิจ พนักงาน และลูกค้าด้วย
แน่นอนว่า เพราะคิดถึงโจทย์ข้อนี้อย่างถี่ถ้วน ทั้งสองโครงการจึงปักหมุดอยู่ในโลเคชั่นที่จัดว่าน่าสนใจ เพราะนาทีนี้ย่านลาดพร้าวยาวไปถึงเกษตร นวมินทร์ และย่านรามอินทรา เรียกได้ว่าอีกเป็นหนึ่งย่านใจกลางธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นแหล่งรวมของชุมชน สังเกตได้จากการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการในย่านนี้ รวมทั้งยังเป็นแหล่งงาน มีออฟฟิศมากมาย ไม่พอ ยังเป็นศูนย์รวมคอมมูนิตี้แห่งใหม่ของคนเมือง ทั้งแหล่งอาหาร คาเฟ่ และคอมมูนิตี้มอลล์
สำหรับ โครงการ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ อยู่ติด ถ.ประเสริฐมนูกิจ (เกษตร นวมินทร์) เชื่อมต่อกับฝั่งถ.พหลโยธิน ถ.ลาดพร้าว และถ.นวมินทร์ ตัดกับเลียบทางด่วนรามอินทรา สามารถไปออกหลักสี่ ลาดพร้าวยาวไปถึงเอกมัย ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และวงแหวนรอบนอก รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งแหล่งช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์ Central Eastville คอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Nawamin City Avenue, The Walk เกษตร นวมินทร์ และ Crystral Design Center SCG Exprerience และบุญถาวร ซึ่งน่าจะถูกใจออฟฟิศสายดีไซน์ และออกแบบ ที่ต้องการอัพเดตไอเดียใหม่ๆตลอดเวลา
ในอนาคต ยังตอบโจทย์วิถีคนเมืองด้วยระบบรถไฟฟ้า มีทั้งสายสีชมพู สายสีเหลือง ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และสายสีน้ำตาลที่ตัดผ่านหน้าโครงการพอมีแผนจะเปิดให้บริการในปี 2568
ขณะที่ Nirvana @WORK รามอินทรา อยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ติดแยกบางเขน ห้อมล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเซ็นทรัล รามอินทรา เดอะแจ๊ส รามอินทรา ไอทีสแควร์ แหล่งแฮงก์เอ้าท์อย่าง ตลาดเก็ท แคมป์ปิง มาร์เก็ต ใกล้กับแหล่งสถานที่ศึกษา อย่างมหาวิทยาลัยเกษตร มหาวิทยาลัยศรีปทุม หากต้องเดินทาง ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองได้อย่างสะดวกสบาย
ความครบครันทั้งหมดนี้ยังมาพร้อมความสะดวกสบายในการทำธุรกิจแบบไร้กังวล เพราะทางโครงการจัดสรรพื้นที่จอดรถส่วนกลางภายในโครงการอีกกว่าร้อยคัน สำหรับ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ สามารถรองรับได้ 154 คัน และ Nirvana @WORK รามอินทรา รองรับได้ 197 คัน มั่นใจด้วยกล้อง CCTV รอบโครงการ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. และเข้า-ออกด้วยระบบ Key Card
Nirvana @WORK พร้อมแล้วที่จะเป็นร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเจ้าของธุรกิจในการ Create You Own Culture สำหรับ Nirvana @WORK ลาดพร้าว – เกษตร นวมินทร์ สนนราคาเริ่มต้น 15-35 ล้านบาท และ Nirvana @ WORK รามอินทรา สนนราคาเริ่มต้น 14.5-25 ล้านบาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1787
หรือเข้าเยี่ยมชมข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่
โครงการรามอินทรา nirvana.bz/ATWORK-RM-DPPT
โครงการลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ nirvana.bz/ATWORK-LP-DPPT
#NirvanaAtWork #CreateYourOwnCultureAtWork