ไม่เห็นของจริงห้ามซื้อถือเป็นคติที่ผู้สนใจลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์มือสองต้องจำเป็นคติประจำใจ เนื่องจากเป็นของที่มีการใช้มาแล้วจึงเป็นไปได้ว่าผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้ของที่ไม่ดีมา ไม่ว่าคุณจะซื้อบ้านหรือคอนโดมือสองจากตัวเข้าของเอง เป็นNPA ของสถาบันการเงิน หรือทรัพย์สินขายทอดตลาดจากกรมบังคับคดี สิ่งสำคัญคือจะต้องพิจารณาจากสภาพจริงก่อน
สภาพของบ้าน-คอนโดเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าคุณจะซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะหากมีสภาพที่ทรุดโทรมแม้ซื้อมาได้ในราคาถูก ก็อาจจะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการปรับปรุงมากจนไม่คุ้มกับที่ลงทุนไป(นอกจากจะมีทำเลดีมาก)
โครงสร้างภายในเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ กรณีเป็นบ้านหรือทาวเฮาส์ ต้องรับรู้รายละเอียดกำหรับสภาพจริงในกรณีที่ต้องมีการต่อเติม เพราะหากการต่อเติมไม่ถูกต้องตามหลักอาจจะสร้างปัญหาความเสียหายได้ในอนาคต บางครั้งโครงสร้างที่ไม่ดีของคอนโดก็ส่งผลให้ตัวอาคารแตกร้าว ดูไม่ปลอดภัยหากจะอยู่อาศัยในระยะยาว การตรวจสอบโครงสร้างเริ่มจากการสังเกตสภาพโดยรวมของบ้านหาว่ามีรอยร้าวบริเวณด้านนอกและด้านในหรือไม่ รอยร้าวที่มีมากแสดงถึงความเสี่ยงที่ตัวบ้านจะมีการฉีกจากโครงสร้าง
สาธารณูปโภคภายในอย่าง น้ำและไฟฟ้าก็ต้องตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้หรือไม่ จำเป็นต้องซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงในส่วนใดหรือเปล่า บางครั้งอาจมีปัญหาน้ำรั่ว หรือหลังคาซึม ปัญหานี้ต้องเริ่มสังเกตในวันที่ทำการสำรวจตัวบ้านว่าในจุดต่างๆมีรอยน้ำหรือไม่ หากมีปัญหาแม้ว่าเจ้าของจะปิดวาล์วน้ำ ไว้แต่ก็มักยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้อยู่
กรณีหลังคารั่วซึมต้องสังเกตที่เพดานว่ามีคราบน้ำเป็นวงหรือไม่ ต้องสำรวจดูทุกชั้น ยิ่งในวันฝนตกก็จะเห็นได้ชัดเจนหากมีปัญหา ซึ่งหากไม่มั่นใจว่าจะสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดด้วยตัวเอง อาจติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการประเมินโดยรวมว่าตัวบ้านสภาพเป็นอย่างไร มีแนวโน้มจะต้องซ่อมแซมส่วนไหน นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว อีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือเรื่องมิเตอร์น้ำ ไฟ และค่าใช้จ่ายค้างจ่ายกรณีที่ซื้อคอนโดมิเนียมมือสอง ต้องตรวจสอบว่าเมื่อเข้าอยู่จะใช้มิเตอร์ ได้เลยหรือต้องติดตั้งใหม่ และใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายค้างจ่ายสำหรับห้องชุดก็ต้องตกลงกันให้เรียบร้อยเพื่อไม่ใช้มีปัญหาติดขัดเมื่อต้องเข้าอยู่อาศัย