คิดว่าหลายๆคนคงจะทราบข่าวเรื่องที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาปรับปรุงเพิ่มค่าลดหย่อน กฎหมาย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยการเพิ่มราคาบ้านจากเดิมที่สำนักงานเศรษฐกิจกระทรวงการคลัง (สคค.)เสนอว่า ให้ทำการหักลดหย่อนก่อนคำนวณภาษีได้ 50% สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
ซึ่งทางด้านกรมธนารักษ์กำลังพิจารณาแนวทางสำหรับบ้านที่มีราคาประเมินเกิน 2 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
1. สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 50 % สำหรับราคาบ้านที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยมูลค่าบ้านส่วนที่เหลือหลังหักค่าลดหย่อนจะใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี
2. นำค่าลดหย่อน 2 ล้านบาทมาหักออกจากมูลค่าบ้าน แล้วนำส่วนที่เหลือมาเพื่อใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีต่อไป
ซึ่งวิธีการปรับฐานภาษีบ้านฉบับใหม่นี้ จัดทำขึ้นเพื่อช่วยคนรายได้น้อยที่อยู่ในบ้านหลังเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้น จึงมีภาระด้านภาษีเพิ่มขึ้น จึงทำขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่ตามมานั่นเอง
แต่สิ่งที่กระทรวงการคลังจะทำคือการออกกฎหมายลูกขึ้นมาเพื่อใช้อัตราภาษีที่แท้จริง ซึ่งจะไม่ทำให้เป็นภาระกับเจ้าของบ้าน เช่น มูลค่าภาษีที่ใช้เป็นฐานภาษี 1 ล้านบาท จะเสียภาษีราว 1,000 บาท สำหรับส่วนของการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาฯเพื่อการพัฒนาที่ดินหรือการจัดสรรที่ดินนั้น จะพิจารณาเพื่อการยกเว้นภาษีในระหว่างการรอพัฒนาไม่เกิน 3 ปี
สำหรับอัตราภาษีนั้น ได้มีการกำหนดไว้ ดังนี้
1. อัตราภาษีที่ดินเพื่อการเกษตร เก็บสูงสุดไม่เกิน 0.5%
2. อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัย เก็บไม่เกิน 1%
3. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการพาณิชย์ เก็บไม่เกิน 4%
4. ที่ดินรกร้างไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควร เก็บไม่เกิน 4%
โดยทั้งหมดนี้ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในปี 2560 หรือภายหลังที่กรมธนารักษ์ ได้ดำเนินการประเมินราคาที่ดินรายแปลงที่ใช้เป็นฐานในการประเมินภาษีแล้ว
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกฎหมายที่ออกมาเพื่อเอาใจคนรายได้น้อย ให้ได้ประหยัดเงินในกระเป๋า มีกินมีเก็บได้มากเชียวล่ะค่ะ แล้วผู้อ่านล่ะคะ คิดยังไงกับกฎหมายตัวนี้…?