มาเนกิเนโกะ น้อยคนมากที่จะเข้าใจถึงชื่อนี้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นแมวกวัก ร้อยทั้งร้อยต้องร้องอ๋อกันแน่นอน เพราะปัจจุบันนี้แทบทุกที่ในโลกต่างใช้แมวกวักเป็น เครื่องรางนำโชค ในการทำธุรกิจ ตั้งแต่ขายของเล็กๆน้อยๆไปจนถึงระดับบริษัทใหญ่ๆเลยก็มี แต่ถ้าถามว่าแมวกวักมีที่มายังไง จุดเริ่มต้นมาจากตรงไหน วันนี้ทาง Dotproperty จะพาไปหาต้นตอกันรวมไปถึงความหมายของการยกขาแต่ละข้างและสีประจำตัวด้วย
หลากหลายเรื่องราวสู่การเป็นเครื่องรางยอดนิยม
เรื่องราวของแมวกวักนั้น จริงๆแล้วมีเยอะแยะมากมายเลยครับ แต่สำหรับบทความนี้ เราจะยกเรื่องที่ดังๆติดหูกันมาเล่าให้ฟัง
เรื่องที่ 1 : แมวจรจัดกับเจ้าของร้านค้า
Photo Credit: (c) tofugu.com
เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของร้านค้าคนหนึ่งค่อนข้างยากจน มีธุรกิจเปิดร้านขายของ ทว่าก็ขายไม่ค่อยจะดีนักทำให้ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่เค้าก็ไม่เคยลืมที่จะให้อาหารแมวจรจัดที่มาหาที่ร้านทุกวัน ด้วยความสำนึกกตัญญูที่เจ้าของร้านคอยดูแล เจ้าแมวตัวนี้เลยไปนั่งอยู่ที่หน้าร้านพร้อมกับใช้มือกวักเรียกลูกค้าให้เข้ามา ทำให้ต่อมา “แมวกวัก” กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
เรื่องที่ 2 : ขุนนางกับแมวเตือนภัย
Photo Credit: (c) petbucket.com
ขุนนางผู้หนึ่งได้เดินผ่านแมวจรจัด แต่ทว่าแมวตัวนี้กลับไม่ได้อยู่เฉยๆเหมือนแมวทั่วไป เพราะว่ามันทำท่าเหมือนกำลังกวักเรียกขุนนางอยู่ ด้วยท่าทางของมัน ทำให้ขุนนางหยุดชะงักก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางจากเดิมไปยังที่ตัวแมว และการเปลี่ยนเส้นทางครั้งนี้ทำให้ตัวเค้ารอดจากกับดักที่วางอยู่ข้างหน้า และจากเหตุการณ์ครั้งนี้เอง ทำให้แมวถูกกำหนดเป็นวิญญาณแห่งสติปัญญาและโชคลาภ ซึ่งศาลเจ้าและบ้านต่างๆในประเทศญี่ปุ่นจะมีรูปปั้นแมวกวักประจำอยู่แทบทุกที่ ด้วยเหตุนี้เอง ต้นกำเนิดของคำว่า “มาเนกิเนโกะ (maneki-neko)” มักจะหมายถึง “คามิเนโกะ (kami-neko)” หรือเทพเจ้าแมวนั่นเองครับ แต่เรื่องนี้ก็ยังมีอีกหลายเวอร์ชั่น โดยเปลี่ยนจากขุนนางเป็นจักรพรรดิญี่ปุ่น หรือบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง โอดะ โนบุนากะ ด้วยครับ
เรื่องที่ 3 : ต้นกำเนิดของแมวกวักที่บันทึกที่วัดโกโตคุจิ
Photo Credit: (c) timothycapehart.weebly.com
นานมาแล้ว สมัยที่วัดโกโตคุจิยังคงทรุดโทรม มีพระภิกษุรูปหนึ่งอาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้ ยังชีพด้วยรายได้อันน้อยนิดจากการขอเรี่ยไรเศษเงินจากชาวบ้าน นอกจากพระรูปนี้แล้ว ยังมีแมวอีกตัวอาศัยอยู่ด้วย ทุกครั้งที่พระภิกษุได้อาหารมา เค้าก็จะแบ่งให้กับแมวตัวนี้เสมอ จนวันหนึ่ง พระภิกษุก็ได้พูดกับแมวว่า “ถ้าเจ้าอยากจะตอบแทนบุญคุณเรา ช่วยนำโชคลาภมาสู่วัดแห่งนี้ที” หลายเดือนต่อมา ในช่วงบ่ายของฤดูร้อน พระภิกษุก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งบริเวณประตูวัด และเมื่อไปดู ก็ได้เห็นกลุ่มของซามูไรประมาณ 5-6 คนลงจากม้ามายังที่ตัวพระภิกษุเอง กลุ่มซามูไรนี้ได้บอกแก่พระภิกษุว่า พวกเค้ากำลังจะเดินทางกลับจากการล่าเหยี่ยว และในขณะที่กำลังจะผ่านประตูวัด ก็ได้สังเกตเห็นแมวตัวหนึ่งกำลังหมอบอยู่ ก่อนจะยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นมากวักเรียกหลายครั้งจนพวกเราเห็นเข้า ด้วยความประหลาดใจและสงสัย พวกเค้าทั้งหมดจึงได้เดินตามมาจนถึงประตูวัดแห่งนี้เพื่อขอแวะพัก
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด พระภิกษุจึงได้เชื้อเชิญซามูไรกลุ่มนี้เข้าไปพักดื่มชาภายในวัดก่อน ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าที่สว่างก็พลันมืดสนิท พร้อมกับมีฝนลงมาห่าใหญ่พร้อมฟ้าผ่า และระหว่างที่กำลังรอฝนหยุด พระภิกษุก็ได้เทศนาธรรมเรื่องของเหตุและผลจากอดีต ปัจจุบันและอนาคตให้แก่กลุ่มซามูไรได้ฟัง ครั้นเมื่อฟังจนจบ กลุ่มซามูไรต่างรู้สึกชื่นชมและปิติกับการเทศนาครั้งนี้มาก พร้อมกับมีความคิดที่จะบูรณะวัดแห่งนี้ เพียงชั่วครู่ ซามูไรคนหนึ่งก็ได้พูดออกมาว่า “ตัวข้ามีนามว่า Naotaka Li เป็นเจ้าเมืองผู้ครอบครองเมืองฮิโกะเนะ แห่งแคว้นคิวชู เพราะการกวักมือเรียกของแมวตัวนั้น ทำให้พวกเราทั้งหมดได้มาฟังคำเทศนาจากท่าน ซึ่งช่วยให้พวกเราตาสว่างและพร้อมที่จะเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ นี่จะต้องเป็นประสงค์จากองค์พระพุทธแน่ๆ” และหลังจากที่พวกเค้าเดินทางกลับได้ไม่นาน เจ้าเมือง Naotaka ได้บริจาคที่ดินผืนใหญ่ เพื่อให้พื้นที่วัดมีบริเวณกว้างมากกว่าเดิมและยิ่งใหญ่เหมือนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เอง วัดโกโตคุจิจึงมีชื่อเรียกอีกว่า “วัดแมวกวัก” นั่นเองครับ ต่อมา หลังจากแมวตัวนั้นตาย พระภิกษุก็ได้สร้างหลุมศพพร้อมกับทำพิธีสวดส่งวิญญาณให้ และได้ตั้งรูปปั้นแมวกวักไว้ เพื่อให้คนได้จำถึงเรื่องราวของวัดแห่งนี้และแวะเข้ามาสักการะ ซึ่งในปัจจุบัน วัดแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสักการะเรื่องครอบครัว, ความก้าวหน้าทางธุรกิจและควมสมปรารถนาครับ
เรื่องที่ 4 : แมววัด
Photo Credit: (c) peachtreepub.blogspot.com
เรื่องนี้จะคล้ายๆกับเรื่องที่ 3 ครับ ซึ่งเนื้อเรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าเมืองผู้หนึ่งนามว่า Li Naotaka กำลังพักหลบพายุฝนอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้กับวัดโกโตคุจิ แต่ระหว่างที่กำลังพักนั้น สายตาของเค้าก็เหลือบไปเห็นแมววัดตัวหนึ่งกำลังกวักมือเรียกเค้าให้ตามมา และระหว่างที่เค้ากำลังออกจากต้นไม้ไปยังแมว ทันใดนั้นเองก็ได้เกิดฟ้าผ่าลงมายังตรงต้นไม้ที่พักอยู่ตอนแรก ทำให้ Naotaka ตระหนักได้ว่าเค้ารอดตายได้เพราะแมววัดตัวนี้ ต่อมา Naotaka ก็ได้เป็นเพื่อนกับพระที่วัดโกโตคุจิพร้อมกับทำนุบำรุงให้วัดที่ทรุดโทรมกลับมาสวยงามอีกครั้ง จนเมื่อแมวตัวนั้นตาย ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นแมวกวักตัวแรกขึ้นที่วัดแห่งนั้นเพื่อเป็นเกียรติกับสิ่งที่มันเคยทำเอาไว้ เพราะถ้าไม่มีมัน ป่านนี้ Naotaka คงถูกฟ้าผ่าตายไป และคงไม่มีใครมาทำนุบำรุงวัดให้ดีขึ้นได้อีกครั้งครับ
เรื่องที่ 5 : แมวไร้หัว
Photo Credit: (c) conoce-japon.com
Usugumo เป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในย่านโยชิวาระ บริเวณตะวันออกของจังหวัดโตเกียวพร้อมกับแมว 1 ตัว ซึ่งเธอรักมันมากๆ วันหนึ่งเพื่อนของเธอซึ่งเป็นนักดาบได้แวะมาเยี่ยม แต่แล้วเจ้าแมวก็เกิดอาการคลั่งขึ้นมาพร้อมกับข่วนไปที่ชุดกิโมโนของ Usugumo ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าแมวจะทำร้ายฝ่ายหญิง ฝ่ายชายจึงได้ตวัดดาบไปยังหัวของแมวจนลอยไปกลางอากาศ แต่เป้าหมายของแมวนั้นไม่ใช่หญิงสาว แต่เป็นงูที่อยู่บริเวณด้านบนเพดาน โชคดีที่หัวนั้นได้ลอยไปตรงที่งูพอดี หัวแมวที่ยังมีสติอยู่ก็พลันงับฝังคมเขี้ยวใส่งูตัวนั้นจนตาย จากเหตุการณ์ครั้งนั้น Usugumo รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากกับการจากไปของเพื่อนตัวน้อย ถึงขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว ฝั่งเพื่อนผู้ชายที่เป็นนักดาบก็รู้สึกละอายต่อความผิดในสิ่งที่ทำลงไปและเสียใจต่อฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก เค้าจึงเดินทางไปหาช่างแกะสลักไม้ที่ฝีมือดีที่สุดในแคว้นให้ช่วยแกะสลักแมวที่พร้อมกับทำท่าทางยกเท้าหน้าขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทักทาย และจากรูปลักษณ์ครั้งนี้จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของมากิเนโกะหรือ แมวกวัก เมื่อฝ่ายชายได้มอบตุ๊กตาแมวให้ฝ่ายหญิง เธอก็กลับมามีความสุขอีกครั้งและใช้ชีวิตต่อไปได้อีกครั้ง แต่ก็มีอีกเรื่องเหมือนกันเพียงแต่เปลี่ยนตัวละครจากฝ่ายหญิงเป็นเกอิชา, นักดาบเป็นเจ้าของร้านที่เกอิชาทำงาน และช่างไม้เป็นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านนั้น
เรื่องที่ 6 : ตุ๊กตาแมวของหญิงแก่
Photo Credit: (c) flysfo.com
หญิงแก่คนหนึ่ง อาศัยอยู่ในอิมาโด บริเวณโตเกียวตะวันออก ด้วยความยากจนอย่างหนัก เธอถูกบังคับให้ขายที่อยู่ทิ้ง แต่แล้วคืนหนึ่งเธอก็ฝันเห็นแมวซึ่งแมวตัวนี้ได้บอกให้ปั้นรูปปั้นแมว เมื่อตื่นขึ้นมา เธอก็จัดแจงทำตามความฝัน ครั้นปั้นเสร็จ ก็มีคนมาขอซื้อต่อจากเธอ จากนั้นเธอก็ปั้นตุ๊กตารูปแมวต่อเรื่อยๆ และเป็นไปอย่างที่คิดครับ มีคนมาขอซื้อต่อจากเธอมากขึ้นเช่นกัน จนในที่สุด เธอก็มีเงินทองมากมายจากการขายตุ๊กตาแมว ผันจากชีวิตยากจนกลายมาเป็นคนรวยภายในเวลาไม่นาน
เรื่องที่ 7 : แมวนำโชค
Photo Credit: (c) pinterest.com
ในช่วงระหว่างยุคโคะฟุง (ค.ศ. 250 – 538) จักรพรรดิองค์หนึ่งทรงเป็นโรคกลัวแมวอย่างมาก ถึงขนาดห้ามไม่ให้มีแมวมาวิ่งเพ่นพ่านในพระราชวังโดยเด็ดขาด จนวันหนึ่งเจ้าชายได้ไปพบกับแมวจรจัดและก็หลงรักมันเข้าอย่างจัง ด้วยความที่กลัวองค์จักรพรรดิรู้ เจ้าชายเลยนำแมวไปซ่อนไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายองค์จักรพรรดิก็รู้เข้าเลยสั่งเนรเทศเจ้าชายกับแมวออกไป วันหนึ่งพ่อค้าผู้ร่ำรวยกำลังเดินทางไปยังพระราชวังเพื่อทำการค้า แต่ระหว่างเส้นทางนั้นจะต้องเดินผ่านบ้านของเจ้าชายที่ถูกเนรเทศ ครั้นเมื่อผ่านหน้าบ้าน พ่อค้าก็เห็นแมวของเจ้าชายกวักมือเรียกตัวเค้า ด้วยความประหลาดใจเค้าได้กราบทูลองค์จักรพรรดิว่าตอนแรกกะจะไม่ทำสัญญาค้าขายแล้วแต่พอเจอแมวกวักเข้าไป ผมนี่เปลี่ยนใจเลย ด้วยความดีความชอบครั้งนี้ องค์จักรพรรดิได้อนุญาตให้เจ้าชายกลับเข้ามาพระราชวังได้ ส่วนแมวก็นำไปไว้ที่วัดได้ตามเดิม และได้ประกาศให้แมวตัวนี้เป็นสัญลักษณ์นำโชคไปโดยปริยาย
แมวกวักแต่ละตัวก็มีนิสัยแตกต่างกันไปนะ
Photo Credit: (c) mygoodkarma.deviantart.com
หลังจากที่เราอ่านนิทานของเจ้าแมวกวักกันไปแล้ว ทีนี้เราจะมาดูความหมายของแมวกวักแต่ละแบบกันครับ
ยกเท้าหน้าข้างขวา : เรียกเงินและโชคลาภ
ยกเท้าหน้าข้างซ้าย : เรียกลูกค้าหรือคนภายนอกเข้ามา (แต่บ้างก็ว่า ทั้งข้างซ้ายและข้างขวาต่างช่วยในเรื่องของการทำธุรกิจและการประสบความสำเร็จ แต่ข้างซ้ายเหมาะสำหรับธุรกิจที่ทำตอนกลางคืนอย่างเช่น บาร์, ร้านอาหาร, ร้านเหล้า เป็นต้น)
ยกเท้าหน้าทั้ง 2 ข้าง : ช่วยในเรื่องของการคุ้มครองบ้านหรือธุรกิจของร้านนั้นๆ
ต่อมา มาดูสิ่งของที่ติดตัวแมวกวักกันบ้างว่าของแต่ละอย่างนั้นมันคืออะไรบ้าง
Photo Credit: (c) commons.wikimedia.org
ปลอกคอ, ผ้ากันเปื้อนและกระดิ่ง : ช่วยเรื่องของการปกป้องคุ้มครอง อีกทั้งยังช่วยเรื่องของเรียกทรัพย์และความอุดมสมบูรณ์
เหรียญทอง 1 เรียว : เหรียญนี้ถูกใช้ในการแลกเปลี่ยนในยุคสมัยเอโดะ การที่แมวกวักถือเหรียญนี้ไว้จะช่วยเรียกโชคลาภมาให้
ค้อนวิเศษเรียกเงิน : บางครั้งเราอาจจะเห็นแมวกวักถือค้อนอันเล็กๆไว้ในอุ้งมืออีกข้าง แมวกกวักตัวนี้จะช่วยเรื่องของทรัพย์สมบัติครับ
ปลาคาร์ปหรือปลาชนิดอื่นๆ : การที่แมวกวักถือปลา เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี
ลูกแก้ว : อันนี้เป็นลักษณะของแมวกวักเรียกเงินอีกแบบนึงครับ บางคนก็เชื่อว่าลูกแก้วที่แมวถือนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญาและความเฉลียวฉลาดอีกด้วย
และสุดท้ายก็คือสีของแมวกวักครับ
Photo Credit: (c) crunchyroll.com
แมวสามสี : เป็นสีที่นิยมมากที่สุด ช่วยในเรื่องของโชคลาภ
แมวสีขาว : ความสุข, ความบริสุทธิ์ และเรียกสิ่งดีๆให้เข้ามาในชีวิต
แมวสีดำ : ปกป้องคุ้มครองและกำจัดสิ่งชั่วร้าย
แมวสีทอง, สีเหลือง : ความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์
แมวสีแดง : ปกป้องจากสิ่งชั่วร้ายและความเจ็บป่วย (โดยเฉพาะเด็ก)
แมวสีชมพู : ความรัก, ความสัมพันธ์ของคู่รัก
แมวสีเขียว, น้ำเงิน : การศึกษาเล่าเรียนและสติปัญญา
ที่มา: Wikipedia, luckymanekineko, catster
แปลและเรียบเรียงโดย: Dotproperty