“แอสเซทไวส์” สุดแกร่ง โชว์ผลงานปี’63 รายได้ 4,205 ล้านบาท พร้อมก้าวสู่ Next Paradigm เดินหน้าเปิดตัว 6 โครงการ ตอกย้ำการเติบโตอย่างมั่นคง

“แอสเซทไวส์” เผยผลประกอบการปี 2563 คว้ารายได้กว่า 4,205 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิสูงถึง 20.6% ย้ำความสำเร็จการดำเนินธุรกิจ มั่นใจเดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯปี 2564 ด้วยคอนเซ็ปต์ The NEXT Paradigm อย่างแข็งแกร่ง วางแผนเปิดตัว 6 โครงการ มูลค่า 10,850 ล้านบาท ชู 3 แบรนด์หลัก MODIZ, ATMOZ และ KAVE มอบความสุขที่แตกต่าง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของทุกกลุ่มลูกค้า

กรุงเทพฯ – วันนี้ (15 มีนาคม 2564) นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่อสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายอย่างมาก แต่สำหรับแอสเซทไวส์นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการพัฒนาและเติบโต โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทได้พัฒนาโครงการไปแล้วถึง 33 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 30,400 ล้านบาท

ในปี 2563 เป็นปีที่แอสเซทไวส์ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัวโครงการ 3 โครงการ คือ โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง (Modiz Rhyme Ramkhamhaeng), โมดิซ ลอนช์ (Modiz Launch) และบ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ (Baan Puripuri Courtyard – Pattanakarn) รวมมูลค่าโครงการ 3,637 ล้านบาท และสามารถทำยอดขายจากโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้ได้ถึง 2,407 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมี backlog คิดเป็นมูลค่า 7,848 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 – 2566 ในส่วนของโครงการพร้อมอยู่ (Ready-to-move Projects) ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 บริษัทมีห้องของโครงการพร้อมอยู่คงเหลือในปีคิดเป็นมูลค่า 4,094 ล้านบาท และบริษัทจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 6,694 ล้านบาท

โดยโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563 คือ บ้านภูริปุรี ทาวน์โฮม ลาดพร้าว 41 (Baan Puripuri Townhome Ladprao 41), แอทโมซ แจ้งวัฒนะ (Atmoz Chaengwattana), แอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง (Atmoz Ratchada – Huaikwang) และเคฟทาวน์ สเปซ (Kave Town Space) ซึ่งทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดี จัดสรร สิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างหลากหลาย และมีรูปแบบห้องที่ตรงกับความต้องการ เมื่อรวมกับโครงการคุณภาพที่สร้างเสร็จก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ถึง 4,205 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ถึง 60% และด้วยการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 44.2% ทำผลกำไรสุทธิได้ถึง 871 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 20.6% ซึ่งจัดเป็นอัตราที่สูงน่าพอใจ

S__35832152โดยส่วนหนึ่งของความสำเร็จเกิดจากการที่บริษัทมีทีมงานและวัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแกร่ง และมีความ ไดนามิคสูง คือ
1. FOCUS ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการและบริการต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
2. FLEXIBILITY ปรับตัวอย่างรวดเร็วให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในภาวะที่ผันผวน ให้มีความคล่องตัวในการทำงาน และเปิดรับแนวการทำงานใหม่ ๆ ตลอดเวลา
3. FAST MOVE นำกลยุทธ์และแผนงานไปปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการแข่งขัน

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์และรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการดำเนินการตามกลยุทธ์สำคัญ ภายใต้แนวคิด “The NEXT Paradigm” ที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยแนวคิดสำคัญของแอสเซทไวส์ ในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนใน Next Paradigm ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์หลักสำคัญ ได้แก่

Facilities for New Lifestyle : ในโลกยุคใหม่ “บ้าน” มีความสำคัญยิ่งขึ้น คนใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ทั้งทำงาน ทำกิจกรรม และพักผ่อน แอสเซทไวส์ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางในโครงการมาโดยตลอด และจะยังคงมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางให้มีบรรยากาศสวยงาม มีความหลากหลาย รองรับทุกกิจกรรมการพักผ่อนเพื่อความรื่นรมย์และผ่อนคลาย และมีพื้นที่รองรับการทำงานและการเรียนที่บ้าน ทั้งในรูปแบบ Co-working space, Library, Meeting Room, Living Lounge เพื่อรองรับการทำงานแบบ Work From Home ให้ดีที่สุด ให้การใช้เวลาในที่พักของลูกบ้านเป็นเวลาที่ดีที่สุด

Health Concern : เนื่องด้วยปัจจุบัน สุขภาพกลายเป็นเรื่องที่สําคัญมาก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ แอสเซทไวส์ ที่ให้ความสําคัญกับสุขภาพลูกบ้าน ภายใต้แนวคิด “Health Solution” แอสเซทไวส์จึงต่อยอดการดูแลสุขภาพของลูกบ้าน ด้วยไฮไลต์พิเศษในพื้นที่ส่วนกลาง นั่นคือการสร้างสรรค์ “Health Station” ขึ้น ทั้งนี้ใน Health Station ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นไว้ให้แก่ลูกบ้าน ได้แก่ Tytocare ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออนไลน์ที่แพทย์ใช้ตรวจทราบอาการของผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึง เครื่อง BMI (เครื่องตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย), เครื่อง AED (เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ) และเครื่องวัดความดันชนิดสอดแขน Health Station นับเป็น Facility ใหม่ในวงการ อสังหาริมทรัพย์ และเริ่มนําร่องในโครงการแอทโมซ แจ้งวัฒนะ (Atmoz Chaengwattana), แอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง (Atmoz Ratchada – Huaikwang), เคฟทาวน์ สเปซ (Kave Town Space) และเคฟทาวน์ ชิฟท์ (Kave Town Shift) นอกจากนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด

Innovation for Living : แอสเซทไวส์เสาะหานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อให้เกิดทั้งความสุขและความสะดวกสบายในที่พัก ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth Sound System เพื่อการฟังเพลงในห้องพัก, พื้นที่สำหรับกิจกรรม e-sports ไปจนถึงการใช้ออนไลน์แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ

Strengthen Sustainability : แอสเซทไวส์ได้จัดทำโครงการหลายอย่างเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยจัดอบรมการคัดแยกขยะ และการจัดการขยะอันตรายให้แก่นิติบุคคล พนักงาน ลูกบ้าน จัดทำพื้นที่วางถังขยะ และทำเครื่องหมายการคัดแยกทิ้งขยะไว้อย่างชัดเจน สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในโครงการฯ ให้เกิดการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน จัดโครงการ ASW ปันอิ่มเพื่อช่วยชุมชนในช่วงโควิด-19 และจัดโครงการจิตอาสาปันสุขเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลน ทุนทรัพย์ และโครงการปันโลหิตเพื่อรับบริจาคโลหิตช่วยผู้ป่วย

S__35832153“สำหรับในปี 2564 บริษัทจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,694 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ เคฟทาวน์ ชิฟท์ (Kave Town Shift), บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ (Baan Puripuri Courtyard – Pattanakarn), เคฟทียู (Kave TU), บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 (Baan Puripuri Homeoffice Ladprao 41) และโมดิซ สุขุมวิท 50 (Modiz Sukhumvit 50) และบริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ เคฟ ศาลายา (Kave Salaya), โมดิซ ไรห์ม คลาวด์ (Modiz Rhyme Cloud), แอทโมซ บางนา (Atmoz Bangna), เคฟ เอวา (Kave Ava), โมดิซ ศรีราชา (Modiz Sriracha)และโครงการแนวราบ 1 โครงการคือ บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 (Baan Puripuri Homeoffice Ladprao 41 รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 10,850 ล้านบาท”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ผ่านแบรนด์ต่าง ๆ ที่ตั้งใจออกแบบมาให้รองรับความต้องการที่หลากหลาย ในวันนี้ บริษัทฯ พร้อมที่จะให้บ้านและคอนโดของแอสเซทไวส์เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เชื่อมต่อความสุข ผ่านแบรนด์คอนโดมิเนียมหลัก 3 แบรนด์สำคัญ ที่คิดมาอย่างดี

MODIZ (โมดิซ)
แบรนด์คอนโดมิเนียมคนเมืองที่มีความโดดเด่นหรูหราสไตล์โมเดิร์น เน้นการเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวกสบายบนทำเลแนวรถไฟฟ้า พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ เพื่อให้ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย เต็มที่กับทุกวันของชีวิต
ATMOZ (แอทโมซ) แบรนด์คอนโดมิเนียมสไตล์ รีสอร์ท ภายใต้แนวคิด “Urban Refresh” โดยมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง สวนและสระขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่ต้องการ การพักผ่อนและเติมเต็มความสุขในทุกวัน เสมือนได้เติม Daily Endorphin ทุกครั้งที่กลับบ้าน
และ KAVE (เคฟ) แบรนด์คอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษา (Campus Condo) ที่เชื่อในพลังของความแตกต่างของคนรุ่นใหม่ มีการออกแบบดีไซน์พื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้รองรับทุกไลฟ์สไตล์และความสนใจของคนรุ่นใหม่ โดยทั้ง 3 แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์หลักของแอสเซทไวส์ และยังเป็นแบรนด์ที่รู้จักในวงกว้าง จนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งมาจากปัจจัยในการวิเคราะห์ศักยภาพทำเลอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาโครงการได้อย่างตรงจุดและตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการคัดสรรพันธมิตรในการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน โดยทั้งหมดจะคำนึงถึงการใช้งานได้จริง

และเพื่อเป็นการตอกย้ำความแตกต่างของทั้งสามแบรนด์หลัก แอสเซทไวส์ได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณา 3 แบรนด์สำคัญดังกล่าว สื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์และแนวคิดของแต่ละแบรนด์ที่เราได้ทำการศึกษา และออกแบบผลิตภัณฑ์มาเพื่อให้ตอบโจทย์ และเชื่อมต่อความสุขสู่ทุกกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง”

และสำหรับ The NEXT Paradigm ของแอสเซทไวส์ บริษัทฯ ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ถือเป็น อีกก้าวสำคัญสำหรับแอสเซทไวส์ ในการพัฒนาผลงานคุณภาพด้วยการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานในระดับบริษัทมหาชน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งมั่นจะเชื่อมต่อความสุขของการอยู่อาศัยเพื่อให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืน” นายกรมเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

#AssetWise #ASW #Webuildhappiness