DotProperty.co.th

3 เหตุผลที่ธนาคารมักปฏิเสธสินเชื่อ

การลงทุน,กู้ซื้อบ้าน,สินเชื่อบ้าน

การลงทุน,กู้ซื้อบ้าน,สินเชื่อบ้าน

หลายๆคนที่กำลังตัดสินใจจะขอ สินเชื่อบ้าน จากทางธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุนหรือเพื่อที่อยู่อาศัยก็แล้วแต่ บางคนสงสัยว่าทำไมเรากู้ไม่ได้หรือ ธนาคารไม่ยอมอนุมัติสินเชื่อ เรามี 3 เหตุผลที่ธนาคาร ใช้ในการพิจารณา  สินเชื่อ ในการขอกู้ มาบอกเผื่อว่าใคร ที่กำลังจะขอยื่นกู จะได้ลองสังเกตุตัวเองก่อนว่าเข้าข่าย ในข้อใดไหม จะสามารถกู้ได้หรือไม่ครับ

  1. ประวัติการทำงาน การเปลี่ยนงาน

เป็น เหตุผล หนึ่งที่ทางธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาตลอด ว่ามีการย้ายงานบ่อยหรือไม่ อายุงานเท่าไร หรือเงินเดือนของเราเท่าไร เพราะข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้ธนาคารทราบถึง ความมั่นคงทางการเงินของเรา ว่าเราจะสามารถ ใช้หนี้ที่กู้มาได้หรือไม่ เพราะหากเราเปลี่ยนงานบ่อย นั้นแสดงว่า การเงินเราอาจไม่มั่นคง เราจะผ่านการทดลองงานไหม ธนาคารมองความเสี่ยงสูงในการปล่อยกู้  วิธีแก้คือ หากรู้ตัวหรือมีการวางแผนจะขอกู้แล้ว ไม่ควรเปลี่ยนงาน ในช่วงเวลานั้น ควรให้การกู้ดำเนินการเรียบร้อยไปก่อนจะดีที่สุดครับ

  1. มีหนี้สินเกินตัว

เพราะ ธนาคารจะต้องเช็คสถานะการเงินของเราว่ามีหนี้สินเท่าไร เพื่อที่ว่าจะได้รู้ว่าเรามีกำลังผ่อนหรือส่งเงินที่กู้คืนได้เท่าไร หากเรามีทั้งผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิตและอื่นๆรวมๆแล้วมาก จนเกินความสามารถใจการชำระหนี้แล้ว ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะกู้ไม่ผ่าน โดนวิธีการคำนวน สัดส่วนรายได้ต่อหนี้ของเราคือ

(รวมหนี้สินทั้งหมด/รายได้ทั้งหมด) x 100 = สัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ เรียกว่า DTI (Debt to Income)หากว่าผลลัพท์ ที่ได้ออกมา เกิน 37%  นั้นคือเรามีหนี้สินค่อนข้างมาก กว่ารายได้ มีสิทธ์ที่จะกู้ไม่ผ่านสูง ฉะนั้นวิธีแก้ง่ายๆคือ ลดหนี้สินของเราลงอาจจะหาเงิน มาปิดหนี้สักก้อน ก่อน หรือ ปิดการใช้งานบัตรเครดิตลดการเกิดหนี้ก่อน ยื่นกู้

  1. มีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี

ใครที่มีการชำระหนี้ ทั้งจากบัตรเครดิตหรือการผ่อน ต่างๆผิดกำหนดระยะเวลาหรือไม่มีการชำระหนี้สินที่มีอยู่ ประวัติทางการเงินของเรา จะถูกจัดให้เป็น บุคคลติดหนี้เครดิตบูโร หรือบุคคลที่มีประวัติทางการเงินที่ไม่ดี ในการยื่นขอกูสินเชื่อนี้คุณมีโอกาสสูงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติ เราเองก็ไม่สามารถไปแก้ไขประวัตินั้นได้ แต่ข้อมูลทางการเงินนี้จะอยู่ในระบบ ไม่เกิน 3 ปี หากต้องการกู้เงินกับทางธนาคารก็ควรรอให้ประวัติสถานะการเงินของเรากลับมาเริ่มต้นใหม่ก่อนจะดีกว่าครับ หรือทางที่ดีเราควรระมัดระวังในการใช้จ่ายหรือการชำระหนี้ให้ตรงต่อเวลา จะเป็นการดีที่สุดครับเพราะนอกจากประวัติการเงินของเราไม่เสียแล้วยังทำให้มี เครดิตในการยื่นกู้ดีด้วย