นับเป็นสถานการณ์แปลกใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีแห่งวิกฤตเศรษฐกิจและโรคระบาด โดยเนื่องจากแม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวด้วยกำลังซื้อที่หดลง พร้อมกับมาตรการสินเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่กดดันอย่างหนักมาตั้งแต่ปลายปี 2562 แต่กลับพบว่าในปี 2563 นี้ ความต้องการอสังหาริมทรัพย์แนวราบยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในที่ดินทำเลดีและที่ดินทำเลทอง ในบริเวณเมืองชั้นกลาง(Midtown) และเมืองชั้นนอก (Outer area)
6 ที่ดินทำเลดี ที่มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์แนวราบสูง สวนกระแสโควิด
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดเผยผลสำรวจศักยภาพทำเลในที่ดินทำเลดีรอบกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ดินทำเลทองของการอยู่อาศัยยุคใหม่ ซึ่งมีความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มเรียลดีมานด์ โดยพบว่ามี 6 ทำเลที่ดินทำเลดีที่ยังคงมีความต้องการสูง แม้จะอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่มั่นคง โดยทั้งหมดเป็นทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่คนมักมองหาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในการอยู่อาศัย
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดเผยผลวิจัยการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งพบผลลัพธ์ที่น่าสนใจว่า กลุ่มลูกค้าที่กำลังเริ่มต้นในการสร้างครอบครัว กำลังให้ความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยให้ความความสำคัญกับสภาพแวดล้อม ความปลอดภัย ฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ สุขอนามัย ที่ดินทำเลดีที่สะดวกสบายต่อการดำเนินชีวิต และการตอบโจทย์การอยู่อาศัยวิถีใหม่ (New normal) โดยมีทำเลทองที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภคมากที่สุด 6 ที่ดินทำเลดี ได้แก่
📍 ที่ดินทำเลดี ทำเลบางนา (บางเสาธง – บางพลี – บางบ่อ) โดยทำเลบางนาถือเป็นที่ดินทำเลทองของการอยู่อาศัยในอนาคต เนื่องจากเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูง ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าระดับภาค (Regional Shopping Center) อย่าง Mega City Bangna และ Bangkok Mall หรือโรงเรียนนานาชาติ นอกจากนั้นยังสามารถเข้าถึงด้วยระบบขนส่งมวลชนและทางด่วนหลายสาย ทำให้โครงการบ้านเดี่ยวในช่วงราคา 3-5 ล้านบาทมีความคึกคัก และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.73% ราคาประเมินที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 บาทต่อตารางวา
📍 ทำเลพระราม2 (บางขุนเทียน – สมุทรสาคร) การขยายตัวของเมืองในแถบตะวันตกตอนล่างบริเวณพระราม 2 ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยแนวราบมีความคึกคัก และยกระดับความเจริญของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบคมนาคมทั้งทางยกระดับบางขุนเทียน – ปากท่อ หรือการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ทำให้เกิดการเชื่อมแบบไร้รอยต่อกันระหว่างฝั่งพระนคร ฝั่งธนบุรี และฝั่งสมุทรปราการ โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยม คือบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยราคาประเมินที่ดินมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 44,000 บาทต่อตารางเวลา หรือเฉลี่ยปีละ 9.77%
📍 ทำเลรังสิต – ลำลูกกา จากการเข้าถึงของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ทำให้กรุงเทพฯ ตอนเหนือ มีการเชื่อมต่อที่สำคัญกับใจกลางเมือง เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวพาดผ่านทำเลสำคัญใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ นอกจากนั้นยังมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต ทำให้ทำเลรังสิต – ลำลูกกา เป็นทำเลฮออตของมที่อยู่อาศัยแนวราบในราคาต่ำกว่า 5 ล้ายบาท โดยพบว่าทำเลใกล้กับสถานีคูคตมีราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.45% หรือประมาณ 71,000 บาทต่อตารางวา
📍 ทำเลบางใหญ่ ทำเลบางใหญ่โดดเด่นด้วยการเดินทางที่สะดวกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนกาญจนาภิเษก ที่เชื่อมกับทำเลสำคัญอื่นๆ ของกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดาย และการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีม่วง และมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี ทำให้บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท มียอดขายสูงถึง 75% ราคาที่ดินเฉลี่ย 53,250 บาทต่อตารางวา
📍 ทำเลแจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด ทำเลศูนย์กลางของนนทุบรี รองรับการอยู่อาศัยของคนเมือง ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม และรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ที่กำลังเข้ามา และความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ที่ดินในทำเลนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% โดยราคาเฉลี่ย 75,800 บาทต่อตารางวา
📍 ทำเลพัฒนาการ – ประเวศ ทำเลรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ใกล้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ราคาที่ดินเฉลี่ยในทำเล 70,667 บาทต่อตารางวา เติบโตเฉลี่ย 5.54% ต่อปี
ความต้องการในที่อยู่อาศัยแนวราบบนทำเลที่มีศักยภาพ ยังคงเติบโตและไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าจะอยู่ในวิกฤตโควิดก็ตาม เนื่องจากเป็นตลาดของกลุ่มเรียลดีมานด์ ซึ่งเป็นกำลังซื้อหลักของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบเหล่านี้
ที่มา:
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9630000073210