การซื้อขายบ้านอสังหาริมทรัพย์มือสองในปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มือสองหลายโครงการมีสภาพดี ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และสามารถเป็นสินค้าทดแทนกับอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่งได้เลย โดยเฉพาะช่วงเวลาโควิดที่เรียลดีมานด์มีการเปรียบเทียบระหว่างการซื้อที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่มือหนึ่งและมือสอง สำหรับใครที่ต้องการขายบ้านในช่วงนี้ มีเรื่องจำเป็นที่ต้องพิจารณากันในหลายๆ ด้าน เพราะหากไม่เตรียมพร้อมก่อนขายให้ดีๆ อาจทำให้การขายบ้านครั้งนี้ต้องเข้าเนื้อตัวเองก็เป็นได้ ดังนั้นก่อนจะเริ่มลงมือตั้งราคาควรต้องทราบว่าค่าใช้จ่ายในการขายบ้านมีอะไรบ้าง รวมไปถึงควรศึกษาว่าขายบ้านเสียค่าอะไรบ้าง เพื่อให้การขายบ้านในครั้งนี้ได้กำไรตอบแทนมาอย่างที่ต้องการจริงๆ
-
ค่าใช้จ่ายในการขายบ้านมีอะไรที่ต้องรู้บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการขายบ้าน มักจะมีค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกัน 4 รายการ ได้แก่ ค่าธรรมเนียม ค่าอากร ภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งจะเป็นคำตอบว่าขายบ้านเสียค่าอะไรบ้างที่ผู้ที่จะขายบ้านทุกคนต้องนำมาคิดก่อนการตั้งราคาบ้านให้ดีๆ
-
ค่าธรรมเนียม 2%
ค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่อย่างแรกที่ผู้ขายควรทราบคือค่าธรรมเนียม ซึ่งค่าธรรมเนียมในที่นี่คือค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะคิดในอัตรา 2% จากราคาประเมิน โดยส่วนใหญ่ในด้านค่าธรรมเนียมของการขายบ้าน มักจะเป็นข้อตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายว่าจะออกในสัดส่วนเท่า ๆ กัน คือฝ่ายละ 1% โดยระยะเวลาในการถือครองกรรมสิทธิ์หรือการมีชื่อในทะเบียนบ้าน จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของการยกเว้นค่าธรรมเนียม
-
ค่าอากร 0.5%
สำหรับค่าอากรแสตมป์ก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่ แต่จะต้องชำระเฉพาะผู้ที่ถือครองกรรมสิทธิ์เป็นระยะเวลามากกว่า 5 ปี หรือว่ามีชื่อในทะเบียนบ้านตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไป โดยจะคิดในอัตรา 0.5% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขายจริง (คิดจากราคาที่มีมูลค่าสูงกว่า) ซึ่งหากผู้ขายไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่า 1 ปี หรือถือครองกรรมสิทธิ์มามากกว่า 5 ปี ก็จะไม่ต้องเสียค่าอากร แต่จะเสียในส่วนของภาษีธุรกิจเฉพาะแทน
-
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3%
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายบ้านในส่วนนี้ จะเสียเฉพาะผู้ขายไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่า 1 ปี หรือถือครองกรรมสิทธิ์มามากกว่า 5 ปี โดยจะเสียในอัตราส่วน 3.3% ของราคาประเมินหรือราคาตลาด โดยจะคำนวณจากราคาที่มีมูลค่าสูงกว่า สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาเป็นมรดกตกทอดนั้น ผู้ขายจะไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนนี้
-
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
สำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่มีหลักกาคิดว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นถือเป็นรายได้ของผู้ขายอย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อมีรายได้ก็ต้องมีการคำนวณภาษีเงินได้ด้วย โดยสำหรับภาษีเงินได้ ณ หักที่จ่าย ผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดาที่จะเสีบภาษีนอัตราภาษีของบุคคลธรรมดา แต่จะมีการนำระยะเวลาในการถือครองกรรมสิทธิ์เข้ามาคิดอัตราการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายด้วย โดยยิ่งถือครองเป็นระยะเวลานาน ก็จะยิ่งมีอัตราภาษีที่ต่ำลง โดยอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายจะเริ่มต้นที่ 8% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย สำหรับการถือครองตั้งแต่ 1 ปีเป็นต้นไป
จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่ที่ผู้ขายจะต้องเสีย เมื่อมาคำนวณเป็นจำนวนเงินแล้วก็จะมีมูลค่าที่ไม่น้อยเลย ดังนั้นก่อนเริ่มทำการขายหรือการตั้งราคาในการซื้อขายจริง ผู้ขายต้องนำค่าใช้จ่ายภาษีเหล่านี้บวกเพิ่มไปกับการตั้งราคาด้วย โดยให้คำนวณว่าหากมีการหักค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปแล้ว จะเหลือเป็นกำไรจากการขายเท่าไร โดยอย่าลืมว่าต้องนำระยะเวลาในการถือครอง ซึ่งมีอัตราการเสียภาษีที่แตกต่างกันตามระยะเวลา รวมไปถึงราคาประเมินและราคาตามตลาดมาคำนวณอัตราภาษีด้วย ซึ่งผู้ขายที่ไม่ได้มีการตั้งราคาขายให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการขายบ้านที่ในส่วนนี้ มักจะมีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายที่เรียกได้ว่า แทบจะเท่าทุน ไปจนถึงเข้าเนื้อกันเลยทีเดียว