ในด้านการสร้างคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นในทุกวันให้กับทุกๆ คน โดยการนำแนวคิด “นวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” (SCG for Smart Living, Smart City) มาผสานกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป จนได้ออกมาเป็น 5 เมกะเทรนด์ที่สำคัญ ดังนี้
Smart Living เริ่มต้นที่บ้าน
เทรนด์ที่ 1 คือ Smart living and building อย่างที่เรารู้กันดีว่า บ้านในปัจจุบันนี้เริ่มจะกลายเป็นบ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Living มากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้พัฒนาหลายๆ โครงการได้หยิบเอาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การสั่งการด้วยเสียง ระบบควบคุมเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ เซนเซอร์ หรือการใช้แอปพลิเคชันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
ซึ่งทาง SCG เองก็เล็งเห็นแนวโน้มเหล่านี้จึงได้พัฒนานวัตกรรมสินค้า และโซลูชันสำหรับการอยู่อาศัยมากมาย เช่น ระบบตรวจจับและส่งข้อมูลไร้สายประสิทธิภาพสูง ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ระบบตรวจจับและส่งข้อมูลไร้สายประสิทธิภาพสูง ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ และยังพัฒนาไปถึง Smart Living Application ระบบที่เชื่อมต่อการทำงานของนวัตกรรมจากเอสซีจีไว้ในที่เดียวอีกด้วย
Health & well-being
สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
เทรนด์ที่ 2 คือ Health & well-being ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 หรือสถานการณ์โรคระบาด COvid-19 ที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่า เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและบ้านก็ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถปกป้องผู้อยู่อาศัยให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้ได้ไม่มากก็น้อย
บ้านในอนาคตจะต้องดูแลสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยในระยะยาวได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุที่ต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ซึ่งทาง SCG ก็มีนวัตกรรมที่ช่วยในเรื่องเหล่านี้ด้วย เช่น ระบบ Active AIRflow™ System ที่เป็นนวัตกรรมถ่ายเทอากาศ ซึ่งช่วยลดการสะสมเชื้อโรค ความอับชื้นภายในบ้าน และช่วยยกระดับคุณภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดขึ้นได้ เป็นต้น
Sustainable living ความยั่งยืนคือตัวแปรสำคัญ
เทรนด์ที่ 3 คือ Sustainable living เนื่องจากทั่วโลกนั้นให้ความสำคัญกับเมกะเทรนด์นี้เป็นอย่างมาก เพราะนี่คือต้นตอของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายคนหันมาใส่ใจใช้วัสดุก่อสร้างที่มอบความยั่งยืนทั้งด้านเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดทรัพยากร ประหยัดพลังงาน และปลอดภัยต่อผู้อาศัยมากขึ้น ซึ่ง SCG เองก็มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองฉลาก SCG Green Choice หรือฉลากรับรองสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยที่ดีรองรับความต้องการในส่วนนี้เอาไว้ด้วย
Home transformation บ้านคือทุกสิ่ง
เทรนด์ที่ 4 คือ Home transformation หลังจากการทำงานในรูปแบบ Work From Home หรือเรียนออนไลน์กันมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านไม่ใช่แค่บ้านอีกต่อไป แต่กลายเป็น Multi-functional Space สำหรับทุกคนในครอบครัว เทรนด์การปรับแต่งบ้านให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของสมาชิกในบ้านจึงเป็นเทรนด์ที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยเน้นการใช้พื้นที่ให้ยืดหยุ่น ใช้งานได้หลากหลาย เช่น จัดสรรพื้นที่ในห้องครัวเป็นโซนนั่งชิล โต๊ะทำงาน และทานอาหาร ตกแต่งสวนหน้าบ้านให้เป็นสนามเด็กเล่น พื้นที่ออกกำลังกาย มุมพักผ่อน และโรงจอดรถ เป็นต้น ทำให้การใช้ชีวิตในบ้านไม่อึดอัด และลดความเครียดจากการต้องปรับรูปแบบการใช้ชีวิตในยุค New Normal เช่นนี้ได้เป็นอย่างดี
Construction transformation การปฏิวัติไซต์ก่อสร้าง
เทรนด์ที่ 5 คือ Construction transformation เทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบและก่อสร้างอาคารหรือที่อยู่อาศัยในอนาคต ซึ่งจะเข้ามาช่วยลดเวลา ลดเศษวัสดุในไซต์งานก่อสร้าง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น นวัตกรรม 3D Cement Printing ใช้สร้างสรรค์ได้ทั้งงานก่อสร้าง และงานตกแต่งที่มีความซับซ้อน สามารถครีเอทลายปรินท์ได้อย่างหลากหลาย ขึ้นรูปชิ้นงานได้ตามรูปแบบที่ต้องการ เทคโนโลยี Building Information Modeling (BIM) ที่ช่วยสร้างความแม่นยำในการออกแบบ
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างตั้งแต่ก่อนโครงการขณะก่อสร้างและหลังจบโครงการที่เปลี่ยนไป และการใช้ Drone นวัตกรรมประเมินพื้นที่ก่อนออกแบบผังโครงการ ช่วยลดความผิดพลาดในการก่อสร้าง เพิ่มความปลอดภัยในไซต์งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
และนี่คือ 5 เมกะเทรนด์ในด้านที่อยู่อาศัยทั้งหมดในปี 2565 นี้ จะเห็นว่า เทคโนโลยีเริ่มจะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตมนุษย์มากยิ่งขึ้น มีการพัฒนาและต่อยอดจากสิ่งเดิมๆ และแก้ไขสถานการณ์ที่มนุษย์กำลังเผชิญหน้าอยู่ให้ปลอดภัยและเป็นไปในทางที่ดี ก็หวังว่า เมกะเทรนด์เหล่านี้จะสามารถเข้าถึงทุกคนได้ และช่วยทำให้บ้านเป็นสถานที่ปลอดภัยและสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจสำหรับทุกคน
ที่มา : SCG อัปเดต 5 เทรนด์บ้าน ที่อยู่อาศัย และการก่อสร้างมาแรงปี 2565