ก่อนอื่นต้องเกริ่นคร่าวๆ ก่อนนะคะ พ่อกับแม่เราทำธุรกิจหลายอย่างมากซึ่งก็ทำให้เราชอบค้าขายตั้งแต่เด็กๆ ขายอะไรก็ได้(ที่สุจริตอ่ะ) เราก็ขายหมด และก็มีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ (อะไรสักอย่าง เป็นอย่างน้อย) ตอนเด็กๆ เราก็ไปช่วยพ่อ แม่ขาย กุ้งขายปลาที่ตลาด พอเริ่มโตตอนเรียน เราก็หาของมาขายเรื่อยๆ ในยามว่าง และเมื่อเราเรียนจบเราก็สมัครงานที่บริษัทเอกชนเหมือนคนทั่วไป แต่เรากลับมีความรู้ว่าหรือว่ามันไม่ใช่ตัวเรานะ ในเมื่อเรามีความฝันอยู่แล้ว และเราก็พอจะรู้แล้วว่าเราอยากเปิดร้านนม เราเป็นคนชอบกินนมมากกกกกก ได้กินแล้วฟินอ่ะ เคยเป็นมั้ย?? เราชอบไปนั่งร้านกาแฟ หรือร้านนมก็ได้ มันทำให้เรามีความสุข มันสุขแบบฟินๆ อ่ะ กลิ่นไอกาแฟ และดูดนมไปด้วย มันฟินอย่างบอกไม่ถูก และนี่ก็เป็นเหตุผลของธุรกิจเรา ตอนแรกพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นะที่เราจะออกจากงานมาทำ แต่พี่สาวของเราเคยเปิดร้านกาแฟอยู่แล้ว แต่ได้เลิกทำไปและมาเปิดร้านวุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอมรับออเดอร์ออนไลน์แทน และยังรับเปิดสอนทั้งในและนอกสถานที่ด้วย เราเลยยื่นข้อเสนอไปว่าเราจะทำร้านแล้วให้พี่เป็นคนทำ นึกไปนึกมา ก็นึกไปถึงบ้านหลังเก่าที่ไม่ได้อยู่มาแล้วกว่า 10 ปีนี่แหละ อย่างน้อยมันก็คือบ้านเราอะเนอะ กลับไปทำบ้านเราให้มันสวยและดีกว่าเดิมก็น่าจะดี ซึ่งเราย้ายออกมาจากที่นั่นก็ประมาณ 10 ปีได้ หลังจากที่ย้ายออกมา แม่ก็ปล่อยให้เช่าบ้าง ช่วงไหนที่คนเช่าย้ายออกก็ปิดไว้บ้าง เปลี่ยนคนเช่าไปก็หลายคน ทำให้สภาพบ้านก็ไม่เหมือนที่เราเคยอยู่ ดูแลเอง
ตอนแรกที่คิดไว้คือ คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง??? เงินเก็บเราก็พอมีทำสีตกแต่งเพิ่มคงไม่เท่าไหร่ แต่มันไม่แค่นั้นน่ะสิ เมื่อเรากลับไปอีกดูบ้านอีกครั้งถึงขั้นตกใจ (หนักมาก!!!) นี่หรือ…บ้านที่เราเคยอยู่ สะอาด เอี่ยมอ่อง (เพราะแม่เราเป็นคนสะอาดเว่อออออ เก็บทุกอย่างเรียบไปหมด ตอนนั้นเฟอร์ฯ ก็ไม่เยอะ เพราะแม่บอกว่ามันรก ไม่ชอบ!!) และยังเป็นผลพวงมาจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ด้วย หลายคนน่าจะพอรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อ หมู่บ้านรินทร์ทอง ต. คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เคยมีข่าวน้ำท่วมเกือบถึงชั้น 2 นั่นแหละหมู่บ้านเราเลย หลังจากวิกฤตตอนนั้น บ้านก็ทรุดโทรมลงมาก คนเช่าก็ไม่ได้ดูแลอะไรเพิ่มเติมมากนัก (แต่คนเช่าล่าสุดดีค่ะ ก็ช่วยดูแลบ้านให้ด้วย) คราวนี้ก็เริ่มวิตกนิดหน่อยกับเงินเก็บที่มีอยู่
แต่ก็เอาล่ะ…. ในเมื่อเราตั้งใจแล้วหนิว่าเราจะกลับมาเปิดร้านกาแฟสดที่นี่ก็คงต้องปรับอีกเย๊อะเลย (ไม่มีรูปตอนน้ำท่วมนะคะ ไม่ได้อยู่เลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้) นอกจากความทรุดโทรมจากน้ำท่วมครั้งนั้น หมู่บ้านนี้ยังมีปัญหาเรื่องการระบายน้ำเมื่อฝนตกหนักติดต่อกันหลายชม.อีกด้วย นี่แหละที่ทำให้คิดหนัก เพราะน้ำท่วมเหมือนปี 2554 คงไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่อีฝนตกเนี่ยเกิดแน่ๆ ปัญญาที่ว่าคือ หมู่บ้านฯ นี้พื้นมันต่ำ เวลาฝนตกหนักๆ ติดต่อกันหลายชม. น้ำก็มักจะท่วมประมาณ 1 ฟุต ถึง 1.5 ฟุตได้ นี่คือภาพบ้านก่อน รีโนเวท
หนักขนาดนี้ เอาไงล่ะที่นี้…โชคดีที่แม่ช่วยดำเนินเรื่องช่างให้ ไม่งั้นนะ แอบมืดแปดด้านเหมือนกัน TT หลังจากที่ได้ช่างแล้ว แม่ก็ให้ช่างช่วยเร่งทำให้เพราะว่ากลัวหน้าฝนมาแล้วจะทำงานลำบาก เอ้อ!! ลืมบอกไปค่ะ เราเริ่มให้ช่างเข้ามาทำประมาณเดือนต้นเดือนเมษายน หลังจากที่คุยกับช่างแล้ว เราก็ให้ช่างยกพื้นและหลังคาขึ้น พื้นนี่ยกขึ้นจากพื้นถนน 40 ซม. ค่าแรงเทพื้นนี่ราคา 12,000 บาท รวมถึงทำบันไดหน้าบ้าน 2 ขั้นและทางราดเพื่อสำหรับรถเข็นคนพิการด้วยนะคะ
หลังจากเทพื้นเสร็จช่างก็เริ่มยกหลังคาขึ้นด้วยความสูงประมาณเดียวกันกัน ซึ่งค่ายกหลังคาอยู่ที่ 12,000 บาท กำลังปิดช่องระห่างกำแพงเดิมกับหลังตาที่เพิ่งยกขึ้นค่ะ
นี่คือภาพที่ยกหลังคาเสร็จแล้วค่ะ
ต่อไปก็เป็นเรื่องของพื้นบ้างล่ะที่นี้ บอกก่อนเลย ตอนแรกในใจเราอยากได้แบบร้านแนว Loft อ่ะค่ะ ปูนเปือยทั้งร้านอะไรแบบนี้ เราว่ามา classic และประหยัดกว่าเยอะเลย เพราะเราไม่อยากขอเงินพ่อกับแม่มาก แต่แม่ไม่ปลื้มค่ะ แม่ยืนยันให้ปูกระเบื้องอย่างเดียวเลย สีออกดำๆก็ไม่เอา ซึ่งเราชอบอ่ะ แม่ไม่เข้าใจตุ้ม55555 เราพูดยังไงก็ไม่ปลื้ม คือตอนนั้นเราทะเลาะกับแม่เลยนะเรื่องแบบร้านเนี่ย เราตั้งใจไว้อีกแบบ แต่แม่ไม่ปลื้มสักอย่าง (ไม่ใช่แนวของเขาอ่ะค่ะ) ตอนนั้นเครียดทั้งเรื่องานที่ทำ เครียดเรื่องร้านด้วย ร้องไห้บ่อยมาก แต่ก็ต้องตามใจเขาอ่ะค่ะ ถึงแนวคิดของเราจะไปเจอกันตรงกลางไม่ได้ เกือบกลางก็ยังดี ก็เลยตามใจแม่ เพราะตอนนั้นเราก็ไม่ได้มีเวลาไปคุมหรือไปบอกช่างเองด้วย ก็มีพี่สาวกับแม่เนี่ยที่คอยช่วยเหลือ ดูแลตั้งแต่เริ่มทำบ้าน (ต้องขอบคุณพวกเขามากๆ ถ้าไม่มีเขา เราก็คงแย่เหมือนกัน) เราเลยถามแม่ว่า อยากได้กระเบื้องแบบไหน เพราะถ้าเราเลือกเอง เราจะเลือกแบบที่มันเหมือนปูนอ่ะค่ะ (ซึ่งแม่ก็ไม่ชอบอยู่ดี) แม่ก็ให้แนวคิดว่าอยากได้ลายไม้ เอาล่ะ!!! ไม้ก็ไม้ (ไม้ก็ได้) เราก็ไปหาซื้อกระเบื้องลายไม้มาได้เป็นแบบนี้มาค่ะ ขนาด 50*50 ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 26 กล่องนะคะ รวมแล้วราคา 4,914 บาท ส่วนค่าแรงปูกระเบื้องก็ 6,000 บาท เมื่อปูกระเบื้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็จัดการติดกระจกเข้าที่ ค่าแรงติดกระจก 5,000 บาทค่ะ โดยการขยับเลื่อนออกมาจากที่เดิมมานิดหน่อยค่ะ และก็ได้ออกมาเป็นแบบนี้
ส่วนภายในตัวบ้านก็ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มมาก แค่ทาสี แต่บางทีก็ไม่แค่เลยนะ แม่ พี่สาว แฟนพี่สาว พ่อแฟนพี่สาว แล้วก็เราช่วยกันทาเองค่ะ แม่บอกว่าช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ (แม่เร่งกว่าเราซะอีกนะเนี่ย) อ่ะๆ ทำก็ทำ ร่วมมือแข็งขันมาก!!!
(ไม่มีรูแเราอ่า ตอนทาไม่มีใครถ่ายให้เลย5555)
เนียนบ้าง ไม่เนียนบ้างตามฝีมืออ่ะค่ะ5555 สีนี้เป็นสีเขียวมิ้นท์อ่อนๆ พี่สาวเป็นคนเลือก ค่าสีทาภายในนี่จำไม่ได้อ่ะค่ะ แต่ซื้อมา 2 ถังใหญ่ก็ได้ทั้งชั้นล่าง และชั้นบนอีก 2 ห้องนะคะ ส่วนสีภายนอกช่างทำหลังสุดเลย กว่าจะทำรอนู้นรอนี่อยู่
ระหว่างนั้น เราก็ต้องหาซื้ออุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในร้านค่ะ เช่น เครื่องชงและเครื่องบดกาแฟ รวมแล้ว 35,000 บาท เครื่องปั่นราคา 2,350 บาท เครื่องปิ้งราคา 2,000 บาท เครื่องอบขนมปังราคา 4,370 บาท และอื่นๆที่ต้องใช้พอสมควร เรื่องชุดโต๊ะ เก้าอี้ ถึงแม้ว่าเป็นร้านกาแฟ แต่เราก็อยากให้มีความเป็นร้านนมด้วยจึงเลือกเป็นแบบลายไม้สีอ่อน 2 ชุด รวม 2,800 บาทค่ะ
มาถึงเคาท์เตอร์บ้างนะคะ หัวใจสำคัญของร้านเช่นเดียวกัน ตอนแรกว่าจะซื้อค่ะ หาหลายที่เลย แต่พ่ออยากให้ใช้เคาท์เตอร์ที่เคยมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้ และคอยดูแลรักษามานาน ภาพด้านหลังหายไปไหนไม่รู้ แต่มันแย่มากเลยแหละค่ะ แบบพื้นโต๊ะมันพุพังหมดแล้ว แต่กระกระจกด้านบนยังดี และสวยอยู่เพราะว่าหนามาก นี่เป็นสภาพด้านหน้าที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ
นี่คือตอนทำใหม่แล้วได้ออกมาเป็นแบบนี้หมดไปประมาณ 2,500 บาทค่ะ
พอเอาโต๊ะ เก้าอี้เค้าท์เตอร์มาวาง จัดที่ให้เรียบร้อย ก็ถึงตอนทาสีภายนอกซะที รอคอยมานานมากกกก อยากเห็นเต็มแก่แล้ว สีภายนอกเราเลือกเองเลยยย ปลื้มมาก^^ สีสดใสและทนทาน พนักงานแนะนำยี่ห้อ (ตามรูปด้านล่าง) สำหรับทาภายนอกอ่ะค่ะ เขาบอกว่ายี่ห้อนี้ทนกว่า เพิ่งนำเข้า ราคาแพงแพงกว่าด้วย (ไม่รู้ว่าอยากขายยี่ห้อนี้มากกว่าหรือเปล่านะ อิอิ ตอนนั้นไม่ได้ศึกษาเรื่องสียี่ห้อนี้ไปเลย ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็ฟังจากพนักงาน เขาบอกว่าถ้าเป็นสีทาภายนอก ให้ดูที่ว่ายิ่งสีมันมันมากก็จะป้องกันได้ดี (ถ้าผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้เรื่องสีมาให้คำแนะนำ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ^^) ตอนนั้นอยู่ในช่วงโปรฯ พอดีเลยจัดเลยค่ะ ถังที่ขนาดใหญ่ที่สุดของเขาคือ ถังขนาดกลางของสีทั่วไปนะคะ เราซื้อมาทั้งหมด 5 ถัง สีขาวรองพื้น 2 ถัง สีทาภายนอก 3 ถัง ราคารวมแล้วประมาณ 6,000 บาทค่ะ
รูปนี้เราถ่ายจากของคนที่เขาสั่งสีก่อนหน้ามาค่ะ
นี่คือสภาพภายนอกก่อนทาสี ด่างไปหมด แต่ช่างบอกว่าสีไม่ต้องขูดเท่าไหร่ เพราะสีเก่ามันร่อนออกหมดแล้ว
และแล้วก็ทาสีเสร็จ ปลื้มอ่า ชอบมาก แหล่มเว่อ!!!! (ความชอบส่วนบุคคลนะคะ 555) เย้ๆ เสร็จแล้ววว
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทุกท่านที่อ่านมายันจบ ผิดพลาดประการต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณบทความและรูปภาพจาก สมาชิกหมายเลข 1973811สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อ ขายบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์เฮ้าส์ มือ1 มือ 2 สามารถเข้าดูได้เลยที่ https://www.dotproperty.co.th/