สำหรับตลาด ที่อยู่อาศัย 71 จังหวัด ที่ไม่รวม (กรุงเทพฯ-ปริมณฑล) มีการปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับปี 2560 สาเหตุมาจากรายได้ของเกษตรกรที่ตอนนี้ได้รายได้ลดลงจากราคาซื้อขายสินค้าการเกษตร นอกจากนี้ยังรวมไปถึงหนี้ครัวเรือนค่อนข้างสูง
รวมไปถึงธนาคารก็ยังคงไม่ปล่อยสินเชื่อรายใหม่ทำให้ยิ่งขอสินเชื่อยาก ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้กำลังซื้อลดลง อีกด้วย ในส่วนภาคอสังหาฯ ที่อยู่อาศัย ประเภททาวน์เฮาส์ยังเป็นที่นิยมและมี แนวโน้มการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่วนภาคตลาดที่อยู่อาศัย ตะวันออกได้รับอานิสงส์ที่มาจาก รัฐบาล ที่มีนโยบายสำหรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)ที่เติบโตกว่าภูมิภาคอื่น
สรุปสถานการณ์ด้านอุปทาน ที่อยู่อาศัย
-
การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน (ที่อยู่อาศัยแนวราบ)
ไตรมาศแรก ปี 2561 ภาพรวมโครงการ 73 โครงการ 7,105 หน่วย จำนวนโครงการและจำนวนหน่อยลดลงร้อยละ 15.1และ16.1 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว2560 โดยถ้าดูจากช่วงเวลาเดียวกันนั้นจํานวนโครงการและจํานวนหน่วยลดลงร้อยละ 9.9 และ 2.8 ตามลําดับ
ส่วนทางด้านการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคตะวันออกมีจํานวน 40 โครงการ 4,696 หน่วย จํานวนโครงการและจํานวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อนละ 14.3 และ 38.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าจํานวนโครงการและจํานวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 และ 11.6 ตามลําดับ
โดยปัจจัยที่เพิ่มขึ้นเกิดจากสาเหตุนโยบายสำหรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่วนนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินอันดับรองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันตก ส่วนภาคใต้ในเบื้องต้นยังไม่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน
ด้าน 10 จังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสูงสุด ใน ไตรมาศแรก ปี 2561 10 จังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินสูงสุด 10 อันดับแรก่
- จังหวัดชลบุรีจํานวน 16 โครงการ 2,094 หน่วย (พบมากในอําเภอเมืองชลบุรีและศรีราชา ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์)
- จังหวัดระยอง จํานวน 17 โครงการ1,787 หน่วย (พบมากในอําเภอปลวกแดง ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา จํานวน 6 โครงการ 804 หน่วย (พบมากในอําเภอบางปะกง บ้านโพธิ์และแปลงยาว ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว)
- จังหวัดสระบุรีจํานวน 5 โครงการ 683 หน่วย (พบมากในอําเภอเมืองสระบุรีและหนองแค ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์)
- จังหวัดอุดรธานีจํานวน 5 โครงการ 518 หน่วย (มีเฉพาะในอําเภอเมืองอุดรธานีส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว)
- จังหวัดขอนแก่น จํานวน 3 โครงการ 277 หน่วย (มีเฉพาะในอําเภอเมืองขอนแก่น ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว)
- จังหวัดนครราชสีมา จํานวน 4 โครงการ 199 หน่วย (พบมากในอําเภอปากช่อง ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์)
- จังหวัดอุบลราชธานีจํานวน 2 โครงการ 192 หน่วย (พบมากในอําเภอวารินชําราบส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว)
- จังหวัดสุรินทร์จํานวน 4 โครงการ 155 หน่วย (มีเฉพาะในอําเภอเมืองสุรินทร์ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี๋ยว)
- จังหวัดกําแพงเพชร จํานวน 2 โครงการ 96 หน่วย (พบมากในอําเภอคลองขลุง และขาณุวรลักษบุรีส่วนใหญ่เป็นที่ดินจัดสรร)
-
การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัย (ที่อยู่อาศัยแนวราบ และอาคารชุด)
ในไตรมาศแรกปี 2561ภาพรวมมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ อยู่อาศัย จํานวน ประมาณ 37,880 หน่วย ย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2560 แต่ลดลงร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนแบ่งออกเป็นการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 33,140 หน่วย และอาคารชุดจํานวนประมาณ 4,740 หน่วย (ทั้งนี้จํานวนการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบจะนับรวมที่อยู่อาศัยที่ประชาชนปลูกสร้างเอง และบ้านจัดสรรที่สร้างโดยผู้ประกอบการจัดสรรด้วย) สามารถดูได้จากตารางที่3
เมื่อพิจารณาในแต่ละภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออก มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุด จํานวนประมาณ 11,170 หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบประมาณ 8,490 หน่วย และอาคารชุด ประมาณ2,680 หน่วย รองลงมาคือ ภาคใต้จํานวนประมาณ 7,610 หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 6,700 หน่วย และอาคารชุด จํานวนประมาณ 910 หน่วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จํานวนประมาณ 7,360หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 7,250 หน่วย และอาคารชุด จํานวนประมาณ 110 หน่วยภาคเหนือ จํานวนประมาณ 6,980 หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 6,600 หน่วย และอาคาร
ชุด จํานวนประมาณ 380 หน่วย ภาคตะวันตก จํานวนประมาณ 3,240 หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบจํานวนประมาณ 2,760 หน่วย และอาคารชุด จํานวนประมาณ 480 หน่วย และภาคกลาง จํานวนประมาณ1,520 หน่วย แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 1,340 หน่วย และอาคารชุด จํานวนประมาณ 180 หน่วย
เมื่อพิจารณาจังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (พบมากในอําเภอศรีราชา บางละมุง และเมืองชลบุรี)
- จังหวัดนครราชสีมา (พบมากในอําเภอเมือง นครราชสีมา และปากช่อง)
- จังหวัดเชียงใหม่ (พบมากในอําเภอสันทราย หางดง และเมืองเชียงใหม่)
- จังหวัดสงขลา(พบมากในอําเภอหาดใหญ่)
- จังหวัดขอนแก่น (พบมากในอําเภอเมืองขอนแก่น)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา (พบมากในอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
- จังหวัดราชบุรี (พบมากในอําเภอบ้านโป่ง และเมืองราชบุรี)
- จังหวัดระยอง (พบมากในอําเภอเมืองระยอง)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช (พบมากในอําเภอเมืองนครศรีธรรมราช)
- จังหวัดภูเก็ต (พบมากในอําเภอเมืองภูเก็ต และถลาง)
ส่วนจังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (พบมากในอําเภอบางละมุง ศรีราชา และสัตหีบ)
- จังหวัดเพชรบุรี (พบมากในอําเภอชะอํา)
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (พบมากในอําเภอหัวหิน)
- จังหวัดภูเก็ต (พบมากในอําเภอเมืองภูเก็ต)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา (พบมากในอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
- จังหวัดสงขลา (พบมากในอําเภอหาดใหญ่)
- จังหวัดเชียงใหม่ (พบมากในอําเภอเมืองเชียงใหม่)
- จังหวัดบุรีรัมย์ (มีเฉพาะในอําเภอเมืองบุรีรัมย์)
- จังหวัดมหาสารคาม (มีเฉพาะในอําเภอเมืองมหาสารคาม)
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พบมากในอําเภอบางปะอิน) (ดูตารางที่ 5)
-
ด้านอุปสงค์ที่อยู่อาศัย
การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในจังหวัดภูมิภาคในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในภูมิภาค จํานวนประมาณ 39,820 หน่วย มีมูลค่าประมาณ 64,050 ล้านบาท โดยจํานวนหน่วยลดลงร้อยละ 8.4 และมูลค่าลดลงร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2560
ซึ่งมีจํานวน 43,492 หน่วย และมูลค่า 69,510 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า จํานวนโครงการและจํานวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.7 และ 18.9 ตามลําดับ
ในไตรมาส 1 ปี 2561 มีการโอนที่ อยู่อาศัยแนวราบ จํานวนประมาณ 32,670 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 82.0 ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด โดยมีมูลค่าประมาณ 49,280 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 76.9 ของมูลค่าการ โอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ส่วนอาคารชุด มีจํานวนประมาณ 7,150 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 18.0 โดยมีมูลค่าประมาณ
14,770 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.1 ส่วนใหญ่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือสอง (บ้านที่โอนจากบุคคลธรรมดา) มีจํานวนประมาณ 25,780 หน่วย ในขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์บ้านสร้างใหม่ (บ้านที่โอนจากนิติบุคคล) มีจํานวนประมาณ 14,040 หน่วย จึงทําให้สัดส่วนจํานวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านสร้างใหม่ต่อบ้านมือสองในไตรมาส 1 ปี 2561 เท่ากับ 35 : 65
นอกจากนี้ยังพบว่า ภาคตะวันออก มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมากที่สุด โดยมีจํานวนประมาณ12,350 หน่วย มูลค่าประมาณ 21,910 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31.0 และ 34.2 ของจํานวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด โดยเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ
พิเศษภาคตะวันออก (EEC) จํานวนประมาณ 10,690 หน่วย มูลค่าประมาณ 19,510 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ26.8 และ 30.5 ของจํานวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
เมื่อพิจารณาจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (โอนมากในอําเภอบางละมุง ศรีราชา และเมืองชลบุรี)ฃ
- จังหวัดเชียงใหม่ (โอนมากในอําเภอเมืองเชียงใหม่และสันทราย)
- จังหวัดระยอง (โอนมากในอําเภอปลวกแดง และเมืองระยอง)
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โอนมากในอําเภอบางปะอิน)
- จังหวัดสงขลา (โอนมากในอําเภอหาดใหญ่)
- จังหวัดนครราชสีมา (โอนมากในอําเภอเมืองนครราชสีมา)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (โอนมากในอําเภอเมืองสุราษฎร์ธานี)
- จังหวัดขอนแก่น (โอนมากในอําเภอเมืองขอนแก่น)
- จังหวัดภูเก็ต (โอนมากในอําเภอเมืองภูเก็ต)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา (โอนมากในอําเภอเมืองฉะเชิงเทราและบางปะกง)
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตได้ว่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวที่สําคัญในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอาคารชุดสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- จังหวัดชลบุรี (โอนมากในอําเภอบางละมุง และศรีราชา)
- จังหวัดเชียงใหม่ (โอนมากในอําเภอเมืองเชียงใหม่)
- จังหวัดภูเก็ต(โอนมากในอําเภอเมืองภูเก็ต)
- จังหวัดเพชรบุรี (โอนมากในอําเภอชะอํา)
- จังหวัดระยอง (โอนมากในอําเภอเมืองระยอง)
- จังหวัดฉะเชิงเทรา (โอนมากในอําเภอเมืองฉะเชิงเทรา)
- จังหวัดสงขลา (โอนมากในอําเภอหาดใหญ่)
- จังหวัดนครราชสีมา (โอนมากในอําเภอเมืองนครราชสีมา)
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (โอนมากในอําเภอหัวหิน)
- จังหวัดขอนแก่น (โอนมากในอําเภอเมืองขอนแก่น)
*ข้อมูลสถิติข้อเขียนใด ๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้รับมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือจากการประมวลผลที่เชื่อถือได้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ตรวจสอบจนมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว
แต่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องหรือความเป็นจริง และไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆ จากการใช้ข้อมูล ผู้นําข้อมูลไปใช้พึงใช้วิจารณญาณ และตรวจสอบตามความเหมาะสม
อ้างอิงจาก REIC ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
