“กูรู” เปิดโผ อสังหา 5 อันดับแรก คาดกำไร Q1 โตสูงสุด นำโดย RICHY อันดับหนึ่งลุ้นโตสูงสุด 844% ฟันกำไร 42 ล้านบาท อันดับสอง SC โต 215% กำไร 237 ล้านบาท อันดับสาม SENA คาดกำไร 200 ล้านบาท โต 183% อันดับสี่ ORI ลุ้นกำไร 340 ล้านบาท โต 98% และอันดับห้า AP จ่อกำไร 800 ล้านบาท โต 46%
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2561 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 12 บริษัท คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,900 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 45% จากไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/2561 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปี 2561 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 39,855 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีก่อน
สำหรับบริษัท อสังหา จำนวน 12 บริษัท ประกอบด้วย
- ANAN หรือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- LH หรือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- LPN หรือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- ORI หรือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- PSH หรือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
- QH หรือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- RICHY หรือ บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)
- SC หรือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- SENA หรือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- SIRI หรือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
บริษัทอสังที่คาดว่าจะโตสูงสุด 5 อันดับแรก
โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2561 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
อันดับหนึ่ง RICHY คาดไตรมาส 1/2561จะมีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 42ล้านบาท เติบโต 844% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จะแจ้งงบไตรมาส 1/2561 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561
อันดับสอง SC คาดไตรมาส 1/2561 จะมีกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 237 ล้านบาท เติบโต 215% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจะแจ้งงบไตรมาส 1/2561 ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 อันดับสาม SENA คาดไตรมาส 1/2516 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 200 ล้านบาท เติบโต 183% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะแจ้งงบไตรมาส 1/2561 ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2561
อันดับสี่ ORI คาดไตรมาส 1/2561 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 340 ล้านบาท เติบโต 98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะแจ้งงบไตรมาส 1/2561 ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 และอันดับห้า AP คาดไตรมาส 1/2561 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 800 ล้านบาท เติบโต 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะแจ้งงบไตรมาส 1/2561 ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็น “ซื้อ” จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังฟื้นตัว ตามภาพรวมกำลังซื้อและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรัวตัวดีขึ้น โดยเลือก SPALI และ SC เป็นหุ้น Top Pick
โดย SPALI กำหนดราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น จากความสามารถในการทำกาไรที่สูงสุดในกลุ่มยอดขายรอโอน (Backlog) รอโอนที่พร้อมโอนในปีนี้ และในอีก 2 ปีข้างหน้าที่สูง รวมถึงจะกลับมาจ่ายเงินปันผลตามปกติในปีนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 5% ต่อปี และ SC กำหนดราคาเป้าหมายที่ 5 บาท
โดยคาดว่ากำไรสุทธิของในปี 2561 จะอยู่ที่ระดับ 2,070 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 64% จากปีก่อน เนื่องจากจะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ศาลาแดง วัน (Saladaeng One) จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 2/2561 และโครงการ บีทนิค (BEATNIQ) จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 3/2561
ส่วนหุ้นที่ยังที่แนวโน้มยอดขาย (Presales) และกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/2561 ที่จะโดดเด่ดเมื่อเทียบกับกลุ่ม ได้แก่ 1.AP กำหนดราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท โดยยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2561 จะเติบโต 168% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2561 จะเติบโตสูง 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยังคงมีคอนโดมิเนียมที่รอโอนต่อเนื่อง จากไตรมาส 4/2560 ที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับยอดโอนโครงการแนวราบยังทำได้ดีต่อเนื่อง
2.ORI กำหนดราคาเป้าหมายที่ 22 บาท คาดยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2561 จะเติบโต 248% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2561 จะเติบโตโดดเด่น 98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอด Backlog รอโอนในไตรมาส 1/2561 และมีคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มโอนอีกจำนวน 1 โครงการ คือโครงการ ไนท์บริดจ์ ติวานนท์ (Knights Bridge Tiwanon) มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีหุ้นขนาดเล็กที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตได้ดี ได้แก่ 1.RICHY กำหนดราคาเป้าหมายที่ 2.30 บาท ซึ่งคาดกำไรสุทธิปี 2561 จะอยู่ที่ 312 ล้านบาท เติบโตได้โดดเด่น 135% จากปีก่อน จากการโอนโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการริชพาร์ค@ทริปเปิลสเตชัน ซึ่งจะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 2/2561 ทำให้คาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตสูงถึง 87% จากปีก่อน
และ 2.SENA กำหนดราคาเป้าหมายที่ 5 บาท จะเริ่มขยายตลาดเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะเติบโตเฉลี่ย 43% ต่อปี ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1/2561 จะเติบโตโดดเด่น 183% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการโอนคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ต่อเนื่อง และยังมีคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มโอนในไตรมาส 1/2561 อีกจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ เดอะ นิช โมโน สุขุมวิท 50 (The Niche Mono Sukhumvit 50)
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น