ปัญหาเรื่องที่ นิติบุคคล จัดแจงให้มีการเก็บค่าเข้าใช้งาน สระว่ายน้ำ หรือฟิตเนส ทั้งๆที่ก็ยังจ่ายค่าส่วนกลางอยู่มักจะเห็นกันได้ทั่วไปกับคอนโดที่มีอายุระยะนึงแล้ว จึงก่อให้เกิดข้อสงสัยว่า ฝ่ายนิติบุคคลมีสิทธิที่จะนำส่วนนี้ไปทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ วันนี้เราก็จะมาขออธิบายให้กับคนที่พึ่งซื้อคอนโดมือสองที่มีอายุซักนิดนึงว่าทำได้ไหม เพราะอะไร ถึงมีการเก็บเพิ่มนอกเหนือจากค่าส่วนกลางที่เราได้จ่ายเป็นประจำอยู่แล้ว
ทำไม นิติบุคคล ถึงยังมีเก็บค่าเข้าใช้งาน ทั้งที่จ่ายค่าส่วนกลางอยู่
การที่นิติบุคคลจะหารายได้จาก ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือ ที่จอดรถนั้นสามารถทำได้ โดยจะขึ้นอยู่กับมติของลูกบ้านส่วนรวมว่ามีมติให้นิติทำไปเพื่อหารายได้เข้ามาในคอนโดเพื่อลดภาระส่วนกลางของลูกบ้าน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับมติส่วนร่วมจากลูกบ้านทั้งหมดนั้นจริง หรือบางคอนโดนั้นไม่ได้มองว่า ฟิตเนส และ สระว่ายน้ำนั้นไม่รวมอยู่ในส่วนกลางของคอนโด และยังให้เอกชนเข้ามาบริหารแทน จึงเป็นอีกสาเหตุนึงที่มีการจัดเก็บค่าบริการเพิ่ม นอกเหนือจากค่าส่วนกลางที่ได้มีการจ่ายประจำอยู่แล้ว
แล้วทำไมสระว่ายน้ำและฟิตเนสจึงมักถูกแยกบริหารจากส่วนกลาง
ต้องยอมรับคอนโดเก่าๆ หลายที่เจ้าของร่วม ส่วนใหญ่ มองว่ามันไม่จำเป็น ไม่ค่อยได้ใช้ ค่าบำรุงรักษาเยอะและไม่ใช่ทุกคนที่จะมาใช้บริการส่วนนี้ มติของลูกบ้านส่วนใหญ่จึงมักให้ตัดส่วนนี้แยกออกไปจากส่วนกลางอื่น เพราะด้วยการบำรุงรักษาที่ยุ่งยากกว่าและค่าบำรุงษาเองที่ต้องใช้ในจำนวนที่มากกว่าเช่นกัน เป็นเหตุอันที่ว่าจะยกขึ้นมาเป็นประเด็น บางที่อาจรวมไปถึงส่วนของ Co-working Space ด้วยที่โดนตัดออกไป เพราะคงน้อยคนจริงๆที่จะเลือกใช้ในส่วนนี้
ดังนั้น หากถ้าคิดว่าอยากจะใช้พื้นที่ Facilities ส่วนกลางที่กล่าวมา ว่ามันมีความจำเป็นต่อคุณมากก่อนเลือกซื้อคอนโดก็ขอดูมติของลูกบ้านและนิติบุคคลว่า ในส่วนที่เราจ่ายค่าส่วนกลางไปแล้วนั้น มีรวมค่าบริการฟิตเนส และ สระว่ายน้ำอยู่ด้วยรึเปล่า เพื่อความสะบายใจของคุณเองด้วย แต่ถ้าหากส่วนกลางปล่อยให้มีการเข้าถึงของบุคคลภายนอกมาใช้บริการร่วมด้วย นั้นก็ถือว่าล้ำเส้นการให้บริการมากเกินไป
