นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารยังคงเข้มงวดการขอ สินเชื่อ ในกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อคอนโดมิเนียมราคา 2 ล้านบาท บริษัทจึงใช้วิธีให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเตรียมเงินออมไว้ราว 20% ของราคายูนิตเพื่อให้ลูกค้าได้มีเงินสดสำรองกรณีที่ธนาคาร ไม่สามารถปล่อยกู้ได้เต็ม 100% โดยบริษัทยังเก็บอัตราเงินดาวน์ในอัตรา 10%
แก้เกมทางรอดคน ซื้้อบ้าน ออมเงินสด 20% ของราคาบ้านคอนโด แก้ปัญหาแบงก์เข้มงวดปล่อยกู้
“บริษัทได้แนะนำวิธีนี้ให้กับลูกค้าตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้หลายรายไม่สามารถขอสินเชื่อได้เต็มวงเงินที่ ขอยื่นกู้ หากลูกค้าจ่ายเงินดาวน์ 10% และมีเงินสดอีก 20% ของราคายูนิตสะสมไว้เมื่อวันโอนกรรมสิทธิ์จะทำให้ลูกค้าสามารถกู้แบงก์ในวงเงิน 70% ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังให้ลูกค้ายื่นพรีแอพปรู๊ฟ ในวันจองเพื่อช่วยลดปัญหาการกู้ไม่ผ่านในวันโอน ปัจจุบันบริษัทพบอัตราปฏิเสธ สินเชื่อเพียง 3%” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ในปีนี้สัญญาณต่างๆ อยู่ในทิศทางบวก อย่างชัดเจนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ไม่ว่า จะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การส่งออก การท่องเที่ยว และอัตราดอกเบี้ยต่ำ นอกจากนี้จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณเป็นห่วงเรื่องดีมานด์เทียม หรือมีการซื้อห้องชุดแต่ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ประเด็นยังกล่าวยังไม่น่าเป็นหวง ปัจจุบันพบว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดมีการโอนกรรมสิทธิ์จริงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าจับตามองคือราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังไม่ฟื้นตัวซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อตลาดล่างในต่างจังหวัด
ปัจจุบันบริษัทมีคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เดอะเบส ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนเหลือขายจำนวน 100 ยูนิต ที่เดอะเบส ขอนแก่น จากจำนวนทั้งหมด 900 ยูนิต และอีก 100 ยูนิต ที่ จ.อุดรธานี จากจำนวน 600 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ตลาดคอนโดมิเนียมที่ภูเก็ตระดับราคา 2 ล้านบาท มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดย เดอะเบส ภูเก็ต ที่เพิ่งเปิดตัวไปในช่วงที่ผ่านมาสามารถปิดการขายได้ 100% ซึ่งกำลังซื้อหลักเปลี่ยนจากผู้ซื้อในกรุงเทพฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ในอดีตปัจจุบันลดเหลือ 20% โดยมีตลาดต่างชาติและผู้ซื้อท้องถิ่น
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเปิดการขาย 2 โครงการใหม่แบรนด์เดอะเบส ในกรุงเทพฯ ได้แก่ เดอะเบส สะพานใหม่ ซึ่งร่วมมือกับ บีทีเอส กรุ๊ป เป็นอาคารสูง 14 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 820 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,800 ล้านบาท และเดอะเบส สุขุมวิท 50 ร่วมมือกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น สูง 8 ชั้น 2 อาคาร 415 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 2 โครงการ 50-60% ภายในสิ้นปีนี้ จากเป้ายอดขายคอนโดรวมปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท
ที่มา posttoday.com
