ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหานั้นชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤต Covid-19 แต่ในขณะเดียวกันโครงข่ายคมนาคมในกรุงเทพฯ กลับมีการจะเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เพิ่มโอกาสในการขยายตัวของความเจริญในธุรกิจหลายๆ ด้านออกไปสู่รอบนอกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักพัฒนาอสังหาฯ ที่พยายามพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทองจากการตัดผ่านของรถไฟฟ้าสายใหม่ ที่จะมาช่วยยกระดับราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยในบริเวณรอบนอกให้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนต่อขยายปลายสายรถไฟฟ้ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินสูงสุดเมื่อเทียบดับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน จากการลงทุนเพื่อรองรับ BTS ที่กำลังจะเปิดให้บริการใหม่อย่าง BTS สายสีเหลืองและ BTS สายสีชมพู ที่กำลังขยายตัวในอนาคต
ในช่วงต้นปี 2564 ที่จะถึงนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จะเปิดให้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ นั่นคือ BTS สายสีเหลือง เริ่มตั้งแต่ลาดพร้าวจนถึงสำโรง และ BTS สายสีชมพู ตั้งแต่แครายถึงมีนบุรีเชื่อมโยงเครือข่ายการเดินทางภายในเมืองให้หลากหลายทิศทางมากยิ่งขึ้น
สำหรับ BTS สายสีชมพูตลอดเส้นทางรถไฟฟ้านั้นมีคอนโดมิเนียมกว่า 20,000 ยูนิต ซึ่งมีราคาขายถึง 80,000 บาทต่อตารางเมตรและมีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากโครงการเปิดใหม่แล้วยังมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมบางส่วนที่มีการดำเนินโครงการมาก่อนหน้านี้ในบริเวณที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สีแดง และสีเขียว อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาปรับปรุงโครงการจากนักพัฒนาอสังหาฯ เพื่อเตรียมทำการเปิดขายรองรับการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายสีชมพูอีกหลายโครงการด้วยอีกเช่นกัน
ในส่วนของ BTS สายสีเหลืองสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับ BTS สายอื่นได้อีกหลายสาย ได้แก่
- รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีรัชดา ( สถานีลาดพร้าว )
- รถไฟฟ้า BTS สายสีส้ม ( สถานีสุทินวงศ์ )
- รถไฟฟ้า Airport Rail Link ( สถานีพัฒนาการ )
- รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย ( สถานีสำโรง )
รถไฟฟ้าสายสีเหลืองกับการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์
การขยายเส้นทางการเดินทางด้วย BTS สายสีเหลืองนั้น ส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ เพราะจากการสำรวจราคาที่ดินในพื้นที่ที่รถไฟฟ้าสีเหลืองเดินทางผ่านพบว่าราคาที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นกว่า 10% ในทุก ๆ ปี และจะสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอนเมื่อมีการเปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการ เห็นได้ชัดจากผลการประเมินราคาที่ดินบริเวณสถานีรัชดาที่มีราคาถึง 137,000 บาทต่อตารางเมตร จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น
การสำรวจยังพบอีกว่าคอนโดมิเนียมในบริเวณที่รถไฟฟ้าสีเหลืองตัดผ่าน โดยเฉพาะพื้นที่ศรีนครินทร์ช่วงรอยต่อลาดพร้าวไปจนถึงสำโรง มีโครงการที่เพิ่งเปิดขายใหม่ในช่วงกลางปีที่แล้ว ส่วนโครงการเดิมมีปิดการซื้อขายแล้วกว่า 80% ของยูนิตทั้งหมด ส่วนบ้านจัดสรรก็มีโครงการเปิดใหม่รวมแล้วกว่า 8 โครงการ มีการปิดการซื้อขายไปแล้วถึง 75% ของยูนิตทั้งหมดและมีแนวโน้มที่จะซื้อขายมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการคมนาคมที่สามารถเข้าถึงได้ด้วย BTS สายสีเหลือง ซึ่งช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด อันเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย
ในอนาคตหาก BTS สายสีเหลืองสามารถเชื่อมต่อกันทั้งหมดตั้งแต่ถนนลาดพร้าว ถนนศรีนครินทร์ บางนา-ตราด ไปจนถึงสำโรง ก็เป็นไปได้สูงว่าวงแหวนนี้จะกลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะในบริเวณถนนศรีนครินทร์ ซึ่งมีการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยมานานกว่า 10 ปีแล้วโดยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบมาก่อนการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวดิ่งอย่างคอนโดมิเนียม ซึ่งจะยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้นอีกจากศูนย์การค้าขนาดใหญ่และ BTS สายสีเหลืองที่จะวิ่งผ่านเส้นนี้ตลอดเส้นทางสามารถเดินทางตั้งแต่กรุงเทพฯ ตอนบนถึงกรุงเทพฯ ตอนล่างได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งหากเป็นไปตามที่กล่าวทั้งหมดนั้นจะทำให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะกลายทำเลทองที่ช่วยในการดึงดูดผู้คนและนักพัฒนาอสังหาฯ ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
เมื่อรถไฟฟ้าสายใหม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ก็สามารถการันตีได้ว่าราคาที่อยู่อาศัยจะพุ่งสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันอีกมาก รวมทั้งจะยังมีการพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับการขยายตัวที่จะมาอย่างรวดเร็ว จึงสามารถมั่นใจได้ว่าพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวนี้จะกลายเป็นทำเลทองเพื่อการอยู่อาศัยและการเพื่อการลงทุนในระยะยาวได้อย่างแน่นอน