บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ C.P.ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในบ้านเรา มีธุรกิจในเครือที่หลากหลาย และ ตอนนี้ได้ขยายฐานธุรกิจ ก้าวเข้าสู่ภาคอสัหาฯ อย่างเต็มตัวหลังจากที่มีบริษัทในเครือก้าวเข้ามาดำเนินธุรกิจด้านนี้นำหน้ามาก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้ผนึกกำลังกับบริษัทอสังหาฯที่เป็นกลุ่มพันธมิตรเพื่อเปิดโครงการ ไอคอนสยาม
โดยร่วมทุนกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด พัฒนาที่ดินย่านคลองสาน จัดสร้างโครงการ ไอคอนสยาม ซึ่งเงินลงทุนนั้นมากกว่า 50,000 ล้าน บนเนื้อที่กว่า 50ไร่ ซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า ศูนย์การประชุม และ ที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สุดหรูริมน้ำเจ้าพระยา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อที่จะพัฒนาแบบครบวงจร ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่พักอาศัย และ ความพร้อมในการรองรับด้านอื่นๆ ซึ่ง ในการพัฒนาโครงการดังกล่าว ยังได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานของทั้งภาครัฐและเอกชน และ ผู้ประกอบการหลายๆราย เพื่อให้โครงการกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะจะรวมสถานที่สำคัญจากทั่วโลกมาไว้ที่นี่ และ ยังมีโครงการอื่นๆที่จะเนรมิตที่ดินริมน้ำเจ้ากพระยาในระยะทาง 10 กิโลเมตร ให้สวยงามมีความน่าตื่นตาตื่นใจ และ ให้บริการได้ทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ทาง นางสาวทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการที่พักอาศัยจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “Magnolias Waterfront Residences” สูง 70 ชั้น 1 อาคาร จำนวนกว่า 300 ยูนิต และ 50 ชั้น 1 อาคาร จำนวนกว่า 140 ยูนิต ขนาดตั้งแต่กว่า 60-300 กว่าตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าการลงทุนใน 2 อาคารนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดการขายอาคารสูง 70 ชั้นก่อนในเดือนกรกฎาคม นี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยราคาขายได้
ซึ่งจากการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้มีการเปิดเผยโครงการใหม่ๆ ต่างๆออกมาและยังมีการลงทุนที่สูง ทำให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจและสภาวะของอสังหาฯเริ่มกลับมาฟื้นตัว นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในโครงการระดับหรู ทั้งโครงการแหล่งท่องเที่ยว โครงการที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นหลังจากปิดไตรมาสสอง กล่าวค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน มีค่าเท่ากับ 56.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีมีค่าเท่ากับ 43.7 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดัชนีมีค่าเท่ากับ 54.7 โดยผู้ประกอบการ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ 62.3 ปรับเพิ่มขึ้น จากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าดัชนี 45.6 สำหรับผู้ประกอบการ ที่ไม่ใช่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ 49.7 ปรับ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าดัชนี 41.9
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันอยู่ที่ 56.0 ในไตรมาส 2/2557 เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส หรือตั้งแต่ไตรมาสแรก ปี 2556 โดยผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุกด้าน ทั้งผลประกอบการ ยอดขาย การลงทุน การจ้างงาน ต้นทุนประกอบการและการเปิดโครงการใหม่และ/หรือเฟสใหม่ เนื่องจากการสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นดำเนินการในเดือนสุดท้ายของไตรมาส คือ เดือนมิถุนายน ปรับตัวดีขึ้น “ผลสำรวจจึงสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยซึ่งเพิ่มขึ้นภายหลังจากการรัฐประหาร”
ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]