ในยุคนี้การจะขอเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน นอกจาก ฐานเงินเดือน อาชีพที่ทำ จนถึงสถานะเครดิตของตัวผู้กู้ ที่เป็นปัจจัยหลักสำหรับการอนุมัติเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ แต่ในยุคนี้สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกได้ว่าสำคัญไม่น้อยกว่า ฐานเงินเดือน สถานะเครดิตของตัวผู้กู้ และยังส่งผลโดยตรงกับตัวของผู้กู้นั้นคือ DSR ที่เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบเดี๋ยววันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า ทำไมมันถึงสำคัญขนาดนั้น
DSR ภาระหนี้สิน ตัวการสำคัญที่ทำให้กู้บ้านไม่ผ่าน
DSRหรือ Debt Service Ratio แปลง่ายๆว่า ภาระหนี้สินหรืออัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ เช่นในแต่ละเดือน รายได้พอใช้จ่ายหรือเปล่าหรือต้องจากหนี้แต่ละเดือนจนเกือบหมด โดยสิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งเกณฑ์สำหรับสถาบันการเงิน ที่จะต้องเช็คความสามารถของ ผู้กู้ ว่าจะสามารถจ่ายคืนได้ มากน้อยแค่ไหน โดยให้ดีแบบกู้ผ่านได้ไม่ยาก ภาระหนี้สินไม่ควรเกิน 70% ของตัวผู้ขอกู้ ให้ดีต้องประมาณ 30-40% แต่มีขอยกเว้นบ้างกรณีเช่น หากที่ทำงานมีสวัสดิการที่ผูกกับสถาบันการเงิน ถึงจะมีภาระหนี้สินสู่งถึง 80% ก็ยังสามารถกู้ได้ โดยมีสูตรดังนี้ รายได้ทั้งหมดต่อเดือนX 70%(ปล่อยกู้ง่ายไม่ควรเกิน 30%) = DSR
ตัวอย่างการคำนวนแบบง่ายๆ
รายได้ต่อเดือนตัวผู้กู้ 25,000 บาท X 70% = 17,500 บาท ดังนั้น ภาระหนี้สินต่อเดือนต้องไม่เกิน ต้องไม่เกิน 17,500 บาท กรณีนี้มีความเสี่ยงที่สถาบันการเงินจะไม่อนุมัติเพราะตัวผู้กู้มีความเสี่ยงที่จะผ่อนจ่ายไม่ไหวในที่สุด
ตัวอย่างที่ 2
รายได้ต่อเดือนตัวผู้กู้ 25,000 บาท X 30% = 7,500 บาท ในกรณีที่ตัวผู้กู้มีภาระหนี้สินต่อเดือนไม่เกิน 7,500 บาท จะทำให้สถาบันการเงินจะปล่อยกู้ก็จะยิ่งง่ายกว่าแบบแรกเพราะผู้กู้มีภาระหนี้สินต่อเดือนไม่เกินตัวผู้กู้นั้นเอง
ตัวอย่างที่ 3
รายได้ต่อเดือนตัวผู้กู้ 25,000 บาท X 80% = 20,000 บาท กรณีก็สามารถกู้ผ่านได้แต่จะต้อง มีสวัสดิการที่ผูกกับสถาบันการเงินนั้นๆ เช่นหน่วยงานราชการต่างๆหรือกลุ่มบริษัทใหญ่ๆที่สถาบันการเงินอนุญาตให้สามารถก่อหนี้ DSRได้สูงเพราะ สถาบันการเงินมองว่าหน่วยงานราชการต่างๆหรือกลุ่มบริษัทใหญ่ๆมีความมั่นคงนั้นเอง
สถาบันการเงิน เช็คข้อมูลภาระหนี้สิน จากอะไรบ้าง
- สลิปเงินเดือน
- ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ
- บัญชีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด
- รายวัน รายได้ต่อเดือนทั้งหมด
- ค่าผ่อนของจิปาถะ
วิธีลดภาระหนี้สิน เพื่อขอกู้
- ปิดหนี้บัตรให้หนี้เหลือ 0
- หากมีหนี้ผ่อนของก็ไม่ควรเกิน 30% ของ ภาระหนี้สิน
- รายจ่ายแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 30%
- ไม่ค้างชำระ / ผิดนัดชำระหนี้จนถูกขึ้นบัญชีดำ
นอกจากนี้ต้องอย่างลืมคิดเพิ่มด้วยว่า เมื่อเราทำเรื่องกู้บ้านแล้ว ภาระผ่อนคิดจากภาระรวมด้วย เช่น หากเรากู้เงินซื้อบ้าน 1,500,000 บาท ผ่อนเดือนละ 9,000 บาท ต่อเดือนภาระหนี้สินใหม่ บวกกับภาระหนี้สินเดิมคือผ่อนรถ 7,500 บาท ทำให้ตัวผู้กู้ก็จะมีความสามารถในการผ่อนบ้านได้น้อยลงเหลือไม่ถึง 30% เพราะธนาคารจะบวกเพิ่มไปอีก 9,000 บาท เป็น 16,500 หรือ 60% ภาระหนี้สินต่อเดือน ดังนั้นทางที่ดีหากต้องการให้ธนาคารปล่อยกู้ง่ายสภาพคล่องของการเงินในแต่ละเดือนไม่เกิน 30% หรืออย่างต่ำก็ 50% ดังนั้นก่อนจะซื้อบ้านหรือคอนโด ผู้กู้อย่างลืมคำนวน DSR ด้วยนะค่ะ