ทุกวันนี้คุณมีความสุขกับการทำงานมากแค่ไหน?
ถ้าสิ่งที่พรากความสุขในการทำงานไปไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องปวดๆ อย่าง ปวดหลัง ปวดคอ ปวดหัว ปวดข้อมือ ซึ่งเป็นเหมือนอาการเรื้อรังที่อยู่คู่กับเราชาวออฟฟิศมาเนิ่นนาน และยังไม่มีทีท่าว่าจะรักษาหายได้แต่อย่างใด
จะดีกว่าไหม? ถ้าลองหันกลับมาเคลียร์กันที่ต้นเหตุของความปวด กับวิธีการแก้อาการจากต้นตอด้วยการเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการทำงานที่ออกแบบมาเพื่อสรีรศาสตร์ที่ช่วยลดปวดได้แบบถูกหลักสากลอย่าง Ergonomic Design ว่าแต่อุปกรณ์แบบนี้จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายในช่วงวัยหักโหมทำงานหนักนี้ดีขึ้นได้อย่างไร ลองไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน
Ergonomic Design คืออะไร
Ergonomics หรือ การยศาสตร์ เป็นหลักการออกแบบที่คำนึงถึงสรีระศาตร์เป็นสำคัญ โดยอุปกรณ์ต่างๆ จะถูกคิดและพิจารณาขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลเสียกับสุขภาพร่างกายและจิตใจให้น้อยที่สุด ซึ่งเมื่อหยิบหลักนี้เข้ามาใช้ในการออกแบบอุปกรณ์ทำงานด้วยแล้ว ก็ยิ่งช่วยทำให้การทำงานของมนุษย์ออฟฟิศอย่างเราๆ ห่างไกลจากอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ ได้มากขึ้น
ว่าแต่จะมีอุปกรณ์อะไรที่ช่วยคุณให้หายจากโรคปวดเรื้อรังพวกนี้ได้บ้าง ลองดูอุปกรณ์ที่เรายกตัวอย่างมาให้ดูในบทความนี้ได้เลย
Ergonomic chair
Ergonomic chair หรือเก้าอี้การยศาสตร์ เป็นเก้าอี้ที่ถูกออกแบบให้ช่วยรักษาอาการที่เกิดจากท่านั่งโดยทั่วไปของคนเรา เช่น ออฟฟิศซินโดรม ซึ่งมีหลักการเลือก ดังต่อไปนี้
- การปรับระดับ : ควรเป็นเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับให้เข้ากับสรีระของคุณและโต๊ะทำงานที่ใช้อยู่ได้
- ความสูงเก้าอี้: ต้องปรับให้สูงกว่าพื้นได้ 15-22 นิ้วจากพื้น เพื่อให้ปลายเท้าเหยียบพื้นได้เต็มฝ่าเท้า และเข่าทำฉาก 90 องศา
- ความกว้างเก้าอี้: มาตรฐานกว้างคือ 17-20 นิ้ว การนั่งควรให้มีพื้นที่เหลือด้านข้าง ข้างละ 1 นิ้วจากขอบเก้าอี้
- ความลึกเก้าอี้: ลึกมากพอที่จะให้หลังชนพนักพิงได้เต็มหลัง แต่เหลือช่องว่างระหว่างขอบเก้าอี้และเข่า ประมาณ 2-4 ข้อนิ้ว เก้าอี้บางรุ่นปรับเลื่อนเบาะ ยืดเข้า-ออกได้
- การรองรับช่วงเอว: ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถช่วงหลังบนและสันหลังของเรา เพื่อลดอาการบาดเจ็บจากการนั่งนานๆ ได้
- พนักพิง: ความกว้างมาตรฐานควรอยู่ระหว่าง 12-19 นิ้ว และต้องออกแบบโดยรองรับสรีระโค้งเว้าร่างกายมนุษย์ ช่วยเรื่องการไหลเวียนของโลหิต และลดการทำงานของหลังช่วงล่าง
- ที่พักแขน: เก้าอี้ ergo จำเป็นต้องมีที่วางแขนเพื่อลดการใช้งานช่วงไหล่ และที่วางแขนควรจะสูง 7-10 นิ้วจากเบาะรองนั่ง
Ergonomic table
เป็นโต๊ะทำงานที่ออกแบบมาให้สามารถปรับระดับได้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนท่าทั้งแบบนั่งและแบบยืน เพื่อให้คนทำงานออฟฟิศสามารถเปลี่ยนอิริยาบถในระหว่างวัน ซึ่งช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ ส่วนวิธีการเลือกนั้นมีสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ ดังนี้
- ทดสอบการยืนและการนั่ง : แนะนำว่าให้ตั้งเวลาแบบนี้ครับ คือ นั่ง 45 นาทีและยืน 15 นาที เพื่อทดสอบว่า โต๊ะนั้นเหมาะกับคุณจริงหรือไม่ ใช้แล้วรู้สึกเมื่อยกว่าเดิมหรือเปล่า
- ความสูงของโต๊ะ : โต๊ะทำงานปกติจะมีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 75-80 cm. เป็นระยะพอดีๆ สำหรับการนั่งแล้วเท้ายังวางบนพื้นได้สบาย
- ขนาดของโต๊ะ : ควรอ้างอิงจากขนาดของคอมพิวเตอร์หรือ Lap Top ที่แต่ละคนใช้ เพราะนี่คือตัวกำหนดความยาว Minimum ที่สุดของโต๊ะทำงาน แต่ถ้าใครต้องใช้เมาส์ด้วยก็ต้องเผื่อไว้อีกประมาณ 20 เซนติเมตรด้วย
- วัสดุของโต๊ะ : ต้องเป็นวัสดุที่ไม่สะท้อนแสงหรือสีจัดเกินไป และเป็นผิวเรียบที่เหมาะกับการใช้เมาส์
- มอนิเตอร์ของโต๊ะ : เนื่องจากเป็นโต๊ะที่ต้องใช้มอนิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อให้ปรับระดับได้ จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกมอเตอร์ที่มีคุณภาพสูง ที่มักจะส่งผลดีต่อความปลอดภัย ระยะเวลาที่สามารถใช้งาน และประสิทธิภาพในการใช้งานในภาพรวม
- ขอบโต๊ะแบบโค้งมน : ควรเลือกขอบโต๊ะแบบโค้งมนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนขอบโต๊ะ
Ergonomic keyboard
เป็นคีย์บอร์ดที่มีการออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก จึงมีการออกแบบแป้นพิมพ์ใหม่ เช่น เพิ่มอุปกรณ์สำหรับการวางมือและออกแบบทิศทางสำหรับการจัดวางแป้นพิมพ์ใหม่ให้สัมพันธ์กับสรีระของมนุษย์มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นรูปแบบของ Ergonomic keyboard ที่เป็นแป้นพิมพ์แยก มีช่องว่างตรงกลางของแป้นพิมพ์ที่แบ่งแป้นออกเป็นสองส่วนแยกต่างหาก คีย์บอร์ดตามหลักสรีรศาสตร์จำนวนมากเหล่านี้จัดเรียงปุ่มแบ่งครึ่งในรูปของ V ช่วยให้มือและข้อมือเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นกลางและเครียดน้อยลง ส่วนวิธีการเลือกซื้อ แนะนำให้ลองดูคร่าวๆ ดังนี้
- วิธีการใช้งาน : คุณเลือกซื้อไปพิมพ์งานหรือซื้อมาเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่ ก็อาจจะต้องดูที่สวิตซ์ของ keyword ว่าเหมาะกับการใช้งานของคุณหรือไม่ เช่น หากเลือกใช้เพื่อทำงานก็ควรจะเป็นสวิตช์แบบ Clicky หรือถ้านำไปใช้เล่นเกมที่ต้องการการสั่งการแบบรวดเร็วก็เลือกสวิตซ์แบบ Linear จะตอบโจทย์ที่สุด
- ขนาดของ keyboard : การเพิ่ม / ลด ปุ่มบนคีย์บอร์ดในการใช้งาน ก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้คีย์บอร์ดนั้น ๆ มีขนาดใหญ่หรือเล็กได้ด้วย ดังนั้น อาจจะดูว่าคุณจำเป็นต้องใช้ตัวเลขในการพิมพ์บ่อยหรือไม่ หากคำตอบคือใช่อาจจะเลือกแป้นพิมพ์ที่มีแยก (Numeric Keypad)
- ความสูงของแป้น : ควรทดลองกดแป้นนั้นๆ เหมือนกับใช้งานจริง หรือไปหาดูรีวิวก่อนการซื้อมาใช้งาน
และนี่คืออุปกรณ์ที่ช่วยทำให้การทำงานของคุณไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไป เพราะถึงราคาจะสูงแต่ใช้แล้วชีวิตดีขึ้น แม้อาจจะไม่ถึงกับทันตาเห็นแต่ในระยะยาวแล้วเวิร์กแน่นอน