



















































































































































































































































































































































































































































































เกาะสมุย หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของประเทศไทย กำลังกลับมาคึกคักและได้รับความสนใจจากทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกครั้งในปี 2568 บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมตลาดบ้านในเกาะสมุยปี 2568 พร้อมการวิเคราะห์เชิงลึกสำหรับผู้ซื้อบ้านชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มราคาอสังหาฯ ทำเลเด่นของเกาะ ประเภทบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่า รวมถึงกฎหมายและข้อบังคับที่ควรรู้สำหรับการถือครองบ้านในสมุย นอกจากนี้ยังมีข้อควรพิจารณาสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อบ้านบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้สนใจสามารถวางแผนการซื้อบ้านในสมุยได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด
การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สมุย: หลังจากช่วงชะลอตัวในยุคการแพร่ระบาดที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ เกาะสมุยในปี 2568 มีสัญญาณเติบโตอย่างเห็นได้ชัดจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง สมุยได้รับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยและบ้านพักตากอากาศเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าทรัพย์สินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามดีมานด์ที่ขยายตัว ประกอบกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานบนเกาะที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สมุยยังคงเป็นทำเลที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนอสังหาฯ
ราคาบ้านและที่ดินยังน่าสนใจ: เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ เช่น ภูเก็ต หรือ พัทยา ราคาบ้านและที่ดินในสมุยยังคงอยู่ในระดับที่ “เอื้อมถึง” กว่าเดิม โดยมีการประเมินว่าราคาอสังหาฯ ในสมุยอาจต่ำกว่าภูเก็ตได้ถึงราว หนึ่งในสาม สำหรับอสังหาประเภทเดียวกัน (เช่น บ้านวิลล่าหรูขนาดพื้นที่ครึ่งไร่ในสมุยราคาเฉลี่ย ~20–30 ล้านบาท ขณะที่ภูเก็ตอาจสูงถึง 40–60 ล้านบาทขึ้นไป) อีกทั้งราคาที่ดินในสมุย (ยกเว้นพื้นที่ติดชายหาด) ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่หลัก สิบล้านบาทต่อไร่ ซึ่งถือว่าไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นรุนแรงเหมือนทำเลท่องเที่ยวอื่น นั่นหมายความว่าผู้ซื้อชาวไทยยังมีโอกาสหาซื้อบ้านบนเกาะสมุยได้ในราคาสมเหตุสมผล และมีโอกาสเห็นมูลค่าทรัพย์สินเติบโตในอนาคตเมื่อความนิยมเกาะสมุยเพิ่มขึ้น
แรงหนุนจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่: ความน่าสนใจของสมุยยังได้รับแรงส่งจากโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชนหลายด้านที่วางแผนไว้ในอนาคต ได้แก่ การสร้าง ท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่แหลมหินคม (โครงการมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเริ่มสร้างปี 2572) และโครงการทางด่วนเชื่อมแผ่นดินใหญ่-เกาะสมุย (ระยะทาง ~25 กม. มูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปี 2572–2573 สิ่งเหล่านี้แสดงถึงศักยภาพการเติบโตระยะยาวของสมุย ทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สนามบินสมุย ก็มีแผนขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 3–4 ล้านคนต่อปี เพิ่มเป็น 6 ล้านคนต่อปี ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า (โดยเพิ่มเที่ยวบินจากวันละ ~50 เที่ยวเป็น 70–80 เที่ยว และขยายอาคารผู้โดยสาร) การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงเกาะสมุยและสนับสนุนตลาดอสังหาฯ ในระยะยาว เพราะการเดินทางสะดวกขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนในพื้นที่ก็จะเพิ่มตามไปด้วย
ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่เริ่มเข้ามา: สัญญาณอีกด้านของตลาดที่คึกคัก คือการที่บริษัทอสังหาฯ ชั้นนำของไทยเริ่มเข้ามาลงทุนบนเกาะสมุย ยกตัวอย่าง บริษัทศุภาลัย (ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่) ได้ประกาศเปิดตัวโครงการบ้านพักตากอากาศโครงการแรกบนเกาะสมุยในปี 2568 ชื่อ “ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ สมุย” เป็นโครงการบ้านเดี่ยว/วิลล่าสำหรับพักผ่อน ราคาอยู่ในช่วงประมาณ 5–20 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่ามีสินค้าอสังหาฯ ในทุกระดับราคาให้ผู้ซื้อเลือก นอกจากนั้นยังมีโครงการคอนโดมิเนียมหรูของผู้พัฒนารายอื่น เช่น โครงการ “Wing Samui” คอนโด 14 อาคาร รวม 560 ยูนิต บนที่ดิน 12 ไร่ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท (สำหรับห้องขนาดเล็ก ~24 ตร.ม.) การเข้ามาของแบรนด์ใหญ่และการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เหล่านี้ บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาฯ สมุยกำลังได้รับความเชื่อมั่น และจะช่วยยกระดับมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ เพิ่มตัวเลือกคุณภาพสำหรับผู้ซื้อชาวไทย
อุปสงค์จากต่างชาติและโอกาสของผู้ซื้อไทย: ตลาดบ้านในสมุยโดยปกติแล้วมีความต้องการจากผู้ซื้อและนักลงทุนต่างชาติสูง โดยเฉพาะกลุ่มยุโรปและอเมริกา (นักลงทุนจากรัสเซียและจีนยังมีสัดส่วนไม่มากนักในขณะนี้) เนื่องจากชาวต่างชาติหลงใหลในความงามและวิถีชีวิตบนเกาะสมุย แต่ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย คนต่างชาติไม่สามารถถือครองที่ดินในไทยได้โดยตรง (ยกเว้นกรณีพิเศษ) ทำให้ บ้านหรือวิลล่าหลายแห่งในสมุยยังคงต้องมีชื่อคนไทยถือครองกรรมสิทธิ์ ในแง่นี้ ผู้ซื้อชาวไทยอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ เพราะสามารถเป็นเจ้าของบ้าน/ที่ดินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และหากสนใจลงทุนปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ การเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมจะทำให้ดำเนินการต่างๆ ได้ง่ายและปลอดภัยกว่า ดังนั้นช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดีที่ผู้ซื้อชาวไทยจะเข้าสู่ตลาดบ้านสมุยทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน โดยใช้ประโยชน์จากราคาที่ดิน-บ้านที่ยังสมเหตุสมผล และแรงซื้อจากต่างชาติที่ยังต้องพึ่งพาคนไทยในการถือครองทรัพย์สิน
แม้เกาะสมุยจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก (ประมาณ 247 ตร.กม. รอบเกาะมีถนนสายหลักวงแหวนความยาว ~50 กม.) แต่แต่ละย่านบนเกาะก็มีเอกลักษณ์และจุดเด่นต่างกันไป ผู้ซื้อบ้านควรพิจารณาเลือกทำเลที่สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณ ทั้งนี้ ทำเลที่ได้รับความนิยม ในสมุยสามารถเปรียบเทียบได้ดังนี้:
หาดเฉวง ถือเป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะสมุย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ มีชายหาดทรายขาวยาวกว่า 6 กิโลเมตร น้ำทะเลใส และเป็นศูนย์กลางความเจริญบนเกาะ เฉวงเต็มไปด้วยโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารนานาชาติ บาร์และสถานบันเทิงยามค่ำคืน รวมถึงห้างสรรพสินค้า (เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย) ทำให้ย่านนี้คึกคักตลอดทั้งปี ข้อดีของทำเลเฉวง คือความสะดวกสบายและชีวิตชีวา เหมาะกับผู้ที่ชอบความทันสมัย ต้องการอยู่ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน และต้องการปล่อยเช่าระยะสั้นในตลาดนักท่องเที่ยว (เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักหาดเฉวงดีและนิยมพักโซนนี้) บ้านหรือวิลล่าในย่านเฉวงมักจะอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวทะเล หรืออยู่ในซอยที่ไม่ไกลจากชายหาด ระดับราคาบ้านในเฉวง จะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับย่านอื่น เนื่องจากที่ดินหายากและมีมูลค่าสูง เช่น วิลล่าหรูบนเขาเห็นวิวเฉวงอาจมีราคาหลายสิบล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ดี ก็ยังมีบ้านขนาดย่อมหรือคอนโดมิเนียมราคาเอื้อมถึงในบริเวณใกล้เคียงให้เลือกซื้อเช่นกัน สำหรับผู้อยู่อาศัยเอง ต้องยอมรับว่าการจราจรและสภาพแวดล้อมในเฉวงจะครึกครื้นตลอดเวลา อาจไม่เงียบสงบมากนักในฤดูท่องเที่ยว แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายสูงสุดบนเกาะ
บ่อผุด ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือของสมุย มีชื่อเสียงจาก Fisherman’s Village หรือย่านหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ที่ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวริมทะเลสุดชิค มีถนนคนเดินยามเย็น ร้านอาหารทะเลและคาเฟ่เก๋ๆ มากมาย บ่อผุดจึงผสมผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมพื้นถิ่นเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว จุดเด่นของย่านบ่อผุด คือบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบและเป็นกันเองกว่าหาดเฉวง เหมาะกับครอบครัวหรือคนที่ต้องการอยู่อาศัยยาวๆ มีชุมชนชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่พอสมควรในบริเวณนี้ นอกจากนี้บ่อผุดยังตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก – ห่างจากสนามบินสมุยและหาดเฉวงเพียง ~10-15 นาทีโดยรถยนต์ และยังมีห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (เช่น เทสโก้ โลตัส และแม็คโคร) โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาลนานาชาติอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกครบครัน บ้านและวิลล่าในบ่อผุด มีให้เลือกหลายระดับตั้งแต่บ้านจัดสรรหรือทาวน์โฮมราคาไม่สูงมาก ไปจนถึงพูลวิลล่าหรูริมชายหาดหรือบนเนินเขาที่มองเห็นวิวอ่าวบ่อผุด สำหรับระดับราคา บ้านเดี่ยวทั่วไปอาจเริ่มต้นที่หลัก 5–8 ล้านบาท ในซอยด้านในที่ไม่ติดทะเล ขณะที่วิลล่าหรูริมทะเลหรือบนเขาที่เห็นวิวสวย ราคาสามารถพุ่งขึ้นไปตั้งแต่ 15–30 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นตามขนาดและความพิเศษของทำเล บ่อผุด เหมาะทั้งสำหรับอยู่อาศัยเองในบรรยากาศสงบ ไม่พลุกพล่านเกินไป และสำหรับลงทุนปล่อยเช่าระยะยาวให้ชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือพักผ่อนระยะยาว เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตครบถ้วน
หาดละไม เป็นชายหาดใหญ่อีกแห่งทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสมุย ได้รับความนิยมรองจากเฉวง บรรยากาศของละไมจะผ่อนคลายและเงียบสงบกว่าเฉวงพอสมควร ชายหาดละไมสวยงามและน้ำทะเลใสสะอาด ไม่พลุกพล่านจนเกินไป ทำให้หลายคนมองว่าละไมเป็น “เฉวงน้อย” หรือทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากได้บรรยากาศชายหาดแต่ไม่วุ่นวายเท่าใจกลางเมือง จุดเด่นของย่านละไม คือความเป็นพื้นที่พักอาศัยที่มีสิ่งที่ต้องการอย่างเพียงพอ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดท้องถิ่น และบริการต่างๆ แต่ยังคงวิถีชีวิตสบายๆ แบบชุมชนเกาะไว้ โรงแรมและรีสอร์ทในละไมส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลางและเล็ก เน้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนแบบสงบหรือกลุ่ม wellness (ละไมมีสปาและรีสอร์ทสุขภาพอยู่บ้าง) ทำให้บรรยากาศโดยรวมไม่พลุกพล่านยามค่ำคืน ราคาบ้านและที่ดินในละไม จะถูกกว่าย่านเฉวงและโซนเหนือของเกาะค่อนข้างมาก ผู้ซื้อสามารถหา บ้านเดี่ยวหรือวิลล่าขนาด 2-3 ห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ในละไมได้ในช่วงราคาเพียงประมาณ 8–15 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากทะเลและวิวที่ได้รับ) ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับขนาดบ้านและที่ดินที่ได้ หากเป็นบ้านชั้นเดียวหรือบ้านทาวน์โฮมในพื้นที่ด้านใน ไม่ติดทะเล ราคาอาจต่ำกว่าหลัก 5 ล้านบาทด้วยซ้ำ ละไม จึงเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อชาวไทยที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการบ้านใกล้ทะเล หรือนักลงทุนที่มองหาอสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าระยะยาวให้กลุ่มผู้พักอาศัยที่ต้องการความสงบเป็นหลัก (เช่น ผู้เกษียณต่างชาติที่มาพำนักระยะยาว) นอกจากนี้ ละไมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างหินตาหินยายและอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกหลายแห่ง ทำให้บริเวณนี้มีความน่าสนใจในฐานะทำเลพักผ่อนเช่นกัน
แม่น้ำ เป็นพื้นที่บนชายฝั่งตอนเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสมุย ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความเงียบสงบและความเป็นพื้นถิ่นสูง หาดแม่น้ำทอดยาวและเงียบสงบ มีชุมชนชาวบ้านพื้นเมืองอาศัยอยู่บริเวณนี้มายาวนาน ทำให้ผู้พักอาศัยจะได้สัมผัสบรรยากาศความเป็นอยู่ของคนสมุยแท้ๆ ที่ไม่หวือหวานัก ย่านแม่น้ำ ไม่มีสถานบันเทิงครึกครื้นหรือห้างสรรพสินค้าใหญ่โต แต่มีร้านค้า ตลาดสด และร้านอาหารท้องถิ่นที่ราคาไม่แพง การจราจรบนถนนเส้นหลักแถบนี้ก็ไม่หนาแน่น ผู้คนรู้จักกันเป็นอย่างดีในชุมชน เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของแหล่งท่องเที่ยวหลักและใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ อสังหาฯ ในแม่น้ำ ส่วนมากจะเป็นที่ดินเปล่า สวนมะพร้าว รวมถึงบ้านเดี่ยวที่คนท้องถิ่นสร้างเอง หรือวิลล่าส่วนตัวที่ชาวต่างชาติซื้อไว้พักผ่อน บ้านที่ประกาศขายในย่านนี้มักจะมี ที่ดินแปลงใหญ่ และราคาต่อหน่วยพื้นที่ที่ถูกกว่าฝั่งตะวันออกของเกาะ ผู้ซื้อสามารถพบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวสไตล์ไทยพื้นถิ่นหรือบ้านไม้ริมหาดในราคาเพียง 4–8 ล้านบาท ในขณะที่วิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสระว่ายน้ำบนที่ดินกว้างขวางอาจอยู่ที่ราว 10–20 ล้านบาท ซึ่งจัดว่าค่อนข้างประหยัดเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ แม่น้ำ อาจไม่ใช่ทำเลที่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นเพื่อหวังเก็งกำไรหรือปล่อยเช่ารายวันแก่นักท่องเที่ยว (เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมพักเฉวงหรือโซนเหนือมากกว่า) แต่เหมาะสำหรับ การอยู่อาศัยระยะยาว หรือ บ้านพักตากอากาศส่วนตัว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสงบ เป็นการลงทุนในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และยังมีโอกาสเห็นราคาที่ดินค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาที่คืบคลานมาถึงพื้นที่นี้ในอนาคต
บางรัก และ เชิงมน/ปลายแหลม ตั้งอยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสมุย ใกล้กับสนามบินและท่าเรือไปเกาะพะงัน บางรัก มีชายหาดและท่าเรือใหญ่ (ท่าเรือพระใหญ่) ที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เดินทางไปเกาะพะงันและเกาะเต่า บริเวณบางรักมีวัดพระใหญ่ (พระพุทธรูปใหญ่บนเกาะฟาน) เป็นแลนด์มาร์คสำคัญ และรอบๆ มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และชุมชนท้องถิ่น ทำให้เป็นย่านที่พักอาศัยของทั้งคนไทยและต่างชาติได้อย่างสะดวก เชิงมน/ปลายแหลม อยู่ถัดไปไม่ไกล เป็นพื้นที่เนินเขาและชายฝั่งที่เงียบสงบ มีชายหาดเล็กๆ สวยงามหลายแห่ง เช่น หาดเชิงมน หาดท้องสน ละแวกนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลที่มี พูลวิลล่า และรีสอร์ทหรูหลายแห่ง เนื่องจากสามารถมองเห็นวิวทะเลกว้างไกลและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า คุณสมบัติเด่นของบางรัก-เชิงมน คือความสมดุลระหว่างความสะดวก (เดินทางจากสนามบินเพียง 5-10 นาที และไปเฉวงหรือบ่อผุดก็ไม่ไกล) กับความเป็นส่วนตัวและทิวทัศน์สวยงาม ย่านนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อชาวต่างชาติที่มองหาบ้านพักตากอากาศบนเกาะสมุย ราคาอสังหาฯ ในบางรักและเชิงมนมีความหลากหลาย: บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมในซอยชุมชนบางรักอาจมีราคาเริ่มต้นเพียง 3–5 ล้านบาท เท่านั้น ในขณะที่ พูลวิลล่าวิวทะเล บนเขาเชิงมนหรือปลายแหลม ราคาอาจสูงตั้งแต่ 20 ล้านบาท ไปจนถึง 50–100 ล้านบาท สำหรับวิลล่าขนาดใหญ่เกรดซูเปอร์ลักชัวรี (มีตัวอย่างวิลล่าแบรนด์เนมหรูบางหลังในพื้นที่นี้ที่เปิดขายสูงถึงร้อยล้านบาท) ผู้ซื้อชาวไทยที่สนใจทำเลนี้ควรพิจารณาว่าต้องการอยู่อาศัยแบบไหน หากต้องการความสะดวกใกล้ตลาดและไม่ไกลจากโรงเรียน/สนามบิน บางรักจะตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบวิวทะเลสวยสุดลูกหูลูกตาและความเป็นส่วนตัว เชิงมน-ปลายแหลมก็น่าสนใจมาก โดยรวมแล้ว ทำเลมุมเกาะด้านตะวันออกเฉียงเหนือเหล่านี้ยังเป็น “ทำเลทอง” ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาใหม่ๆ หลายแห่งและยังมีที่ดินวิวดีเหลืออยู่
(หมายเหตุ: นอกจากทำเลที่กล่าวมาข้างต้น เกาะสมุยยังมีพื้นที่อื่นที่น่าสนใจ เช่น หน้าทอน (ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญและศูนย์ราชการของเกาะ บรรยากาศแบบคนท้องถิ่น ราคาที่ดินถูกกว่าฝั่งตะวันออก เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ชีวิตแบบชุมชนท้องถิ่นมากกว่า), ลิปะน้อย-ตลิ่งงาม (ชายฝั่งตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ เงียบสงบมาก มีหาดทรายและจุดชมพระอาทิตย์ตกดินสวยงาม มีรีสอร์ทหรูบางแห่งแยกตัวอยู่ เหมาะกับวิลล่าส่วนตัวหรือโครงการสุขภาพ) ผู้ซื้อสามารถสำรวจตัวเลือกในทำเลเหล่านี้เพิ่มเติมตามความสนใจ)
อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยบนเกาะสมุยมักแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ บ้านเดี่ยว, บ้านจัดสรรในโครงการ, และ วิลล่าส่วนตัว ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและสิ่งอำนวยความสะดวกแตกต่างกันไป ดังนี้:
นอกจากประเภทหลักทั้งสามนี้ เกาะสมุยยังมี คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ สำหรับผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยขนาดเล็กลงหรือเน้นการลงทุนปล่อยเช่าเป็นห้องชุด (ซึ่งคนต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดได้) แต่โดยภาพรวมตลาดคอนโดในสมุยยังมีไม่มากโครงการนักเมื่อเทียบกับบ้านแนวราบ เพราะกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากสนใจบ้านที่มีที่ดินและพื้นที่ใช้สอยมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อชาวไทยก็สามารถพิจารณาคอนโดเป็นทางเลือกที่ราคาเข้าถึงง่าย (มีห้องชุดราคาไม่ถึง 2 ล้านบาทอยู่บ้าง) หากต้องการลงทุนในสมุยโดยใช้งบประมาณไม่สูง
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกาะสมุยดึงดูดนักลงทุนด้านอสังหาฯ ก็คือ อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศ โดยเฉพาะการปล่อยเช่าบ้านพักตากอากาศให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2568 ตลาดเช่าบ้าน/วิลล่าในสมุยกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก อานิสงส์จากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาพุ่งสูงหลังการเปิดประเทศ ทำให้ที่พักหลายแห่งถูกจองเต็ม ความต้องการเช่าที่พักระยะสั้นบนเกาะสูงจนบางช่วงเวลา “แทบไม่มีบ้านหรือวิลล่าว่างให้เช่า” และระดับราคาเช่าก็ปรับสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
ผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับ จึงอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ วิลล่าหลายแห่งสามารถสร้างผลตอบแทนสุทธิ (หลังหักค่าใช้จ่าย) สูงกว่า 8-10% ต่อปี ได้ไม่ยาก และในบางกรณีที่บริหารจัดการดี (เช่น วิลล่าหรูที่ปล่อยเช่าสำหรับพักผ่อนมีอัตราการเข้าพักเต็มตลอดฤดูท่องเที่ยว) อาจให้ผลตอบแทน เป็นตัวเลขสองหลัก (10-15% หรือมากกว่า) ต่อปีเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าสูงกว่าการลงทุนอสังหาฯ ส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือตามเมืองใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น มีบางโครงการใหม่ในสมุยที่พัฒนาขึ้นเพื่อขายแก่นักลงทุนโดยเฉพาะ ได้เสนอ การันตีผลตอบแทนค่าเช่า 6-8% ต่อปี ให้กับผู้ซื้อในช่วง 3-5 ปีแรก เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุน (เช่น โครงการพูลวิลล่าบางแห่งในละไมมีการรับประกันค่าเช่า 8% ต่อปีเป็นเวลา 5 ปี) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าตลาดเช่าสมุยสามารถสร้างรายได้ระดับนั้นจริง
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยแวดล้อมด้วย เช่น ฤดูกาลท่องเที่ยว ของสมุยที่มีช่วงไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่นชัดเจน โดยไฮซีซั่นจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน (นักท่องเที่ยวหนีน้ำหนาวมาพักผ่อน) ในช่วงนี้อัตราค่าเช่ารายวันของวิลล่าสามารถขึ้นไปสูงมาก (เช่น วิลล่าระดับ 3-4 ห้องนอน อาจปล่อยเช่าได้คืนละ 10,000–20,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความหรูและทำเล) แต่ในช่วงโลว์ซีซั่น (ประมาณตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งสมุยมีฝนตกชุกและนักท่องเที่ยวน้อยลง) ผู้ปล่อยเช่าอาจต้องปรับลดราคาหรือยอมให้มีช่วงบ้านว่างบ้าง เพื่อดึงดูดผู้เช่าระยะยาวเข้ามาชดเชย ดังนั้นการคำนวณผลตอบแทนควรทำอย่างรอบคอบโดยเฉลี่ยรายได้ตลอดทั้งปี
ตลาดเช่าระยะยาว: นอกจากการเช่ารายวัน/รายสัปดาห์จากนักท่องเที่ยวแล้ว สมุยยังมีตลาดเช่าระยะยาว (รายเดือน/รายปี) จากกลุ่มชาวต่างชาติที่มาทำงานระยะไกล (digital nomads) หรือครอบครัวที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐาน เนื่องจากเกาะสมุยมีความพร้อมด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง มีโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง (บนเกาะมีโรงเรียนนานาชาติประมาณ 5 แห่ง รองรับเด็กตั้งแต่เตรียมอนุบาลจนถึงมัธยม) และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตค่อนข้างครบ ดังนั้นกลุ่มผู้เช่าระยะยาวเหล่านี้จึงเพิ่มจำนวนขึ้นหลังยุคโควิด บางคนเช่าบ้านอยู่หลายเดือนถึงเป็นปีเพื่อใช้ชีวิตทำงานจากเกาะที่มีคุณภาพชีวิตดี ค่าเช่ารายเดือนสำหรับบ้านในสมุยจะแตกต่างกันไปตามขนาดและทำเล เช่น บ้านหลังเล็ก 1-2 ห้องนอน นอกย่านท่องเที่ยวอาจปล่อยเช่า ~15,000–30,000 บาท/เดือน ขณะที่ พูลวิลล่า 3-4 ห้องนอนพร้อมวิวทะเล อาจปล่อยเช่าได้ 100,000 บาท/เดือนขึ้นไปสำหรับสัญญาระยะยาว ทั้งนี้เจ้าของสามารถเจรจาราคาพิเศษกับผู้เช่าระยะยาวในช่วงโลว์ซีซั่นเพื่อให้มีรายได้สม่ำเสมอ
การบริหารจัดการการเช่า: หากผู้ซื้อบ้านในสมุยต้องการลงทุนปล่อยเช่า แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ดูแลเองเต็มเวลา ปัจจุบันมี บริษัทบริหารวิลล่า และ ตัวแทนปล่อยเช่า มืออาชีพหลายรายบนเกาะสมุยที่สามารถดูแลทรัพย์สินแทนเจ้าของได้แบบครบวงจร ตั้งแต่การทำการตลาดหาผู้เช่า (ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Airbnb, Booking.com หรือผ่านเอเจนต์ท้องถิ่น), การจัดการเช็คอิน-เช็คเอาท์, การทำความสะอาด, บำรุงรักษาสระว่ายน้ำ-สวน, ไปจนถึงการซ่อมแซมสิ่งของตามความจำเป็น โดยทั่วไปบริษัทเหล่านี้จะคิดค่าบริการเป็นส่วนแบ่งจากค่าเช่าประมาณ 10-20% ขึ้นกับขอบเขตหน้าที่ที่ดูแล การใช้บริการมืออาชีพเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของบ้านสบายใจและรักษามาตรฐานการบริการแก่ผู้เช่า ซึ่งส่งผลให้ได้รับรีวิวที่ดีและดึงดูดผู้เช่าต่อเนื่อง ผลลัพธ์คืออัตราการเข้าพักที่สูงขึ้นและผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว
สรุป: การลงทุนซื้อบ้านหรือวิลล่าในสมุยเพื่อปล่อยเช่านั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า แต่ผู้ลงทุนควรทำการบ้านอย่างละเอียด เลือกทำเลและทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการของผู้เช่า จัดการด้านการตลาดและการดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ และมีการวางแผนการเงินรองรับช่วงที่อาจไม่มีรายได้เต็มที่ สิ่งสำคัญคือตลาดท่องเที่ยวไทย (รวมถึงสมุย) ณ ปี 2568 มีแนวโน้มสดใสมาก นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด บวกกับเทรนด์ work from anywhere ที่ทำให้ชาวต่างชาติมาเช่าบ้านอยู่ยาวๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้นสำหรับผู้ซื้อชาวไทยที่มองหาโอกาสการลงทุนในอสังหาฯ การมีบ้านพักหรือวิลล่าสวยๆ บนเกาะสมุยไว้ในครอบครอง ก็เปรียบเสมือนการได้ทั้งทรัพย์สินที่มูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ และยังสร้างกระแสเงินสดระหว่างทางได้อย่างน่าพอใจ
การซื้อและถือครองบ้านบนเกาะสมุยสำหรับผู้ซื้อสัญชาติไทยนั้นโดยหลักการแล้ว ไม่ได้มีข้อจำกัดพิเศษแตกต่างจากที่อื่นในประเทศไทย คนไทยสามารถเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านได้อย่างถูกกฎหมายเต็มรูปแบบ แต่อย่างไรก็ดี มีประเด็นด้านกฎหมายและข้อบังคับบางประการที่ผู้ซื้อควรทราบและปฏิบัติตาม เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย:
สรุปแล้ว ในฐานะคนไทย การซื้อบ้านในเกาะสมุยนั้นไม่มีอุปสรรคทางกฎหมายที่ยุ่งยากอย่างกรณีชาวต่างชาติ สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารสิทธิ์ การปฏิบัติตามขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ และการรู้สิทธิหน้าที่ของตนในฐานะผู้ถือครองที่ดิน เช่น การเสียภาษีและปฏิบัติตามกฎชุมชน/ท้องถิ่น หากจัดการส่วนเหล่านี้เรียบร้อย ผู้ซื้อชาวไทยก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านในสมุยได้อย่างมั่นใจ และใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินได้เต็มที่ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน
ก่อนที่จะทุ่มทุนซื้อบ้านสักหลังบนเกาะสมุย ผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับเป้าหมายของตนเองมากที่สุด ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณามีดังต่อไปนี้:
เมื่อพิจารณาทุกปัจจัยข้างต้นอย่างรอบคอบ ผู้ซื้อชาวไทยก็จะพร้อมสำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านในสมุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น บ้านในเกาะสมุยสามารถเป็นทั้งสวรรค์ในการพักผ่อนสำหรับครอบครัว และเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้/มูลค่าเพิ่ม หากเลือกได้เหมาะสมกับความต้องการของเราเอง
การซื้อบ้านบนเกาะสมุยในปี 2568 เป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเพื่อการอยู่อาศัยท่ามกลางบรรยากาศเกาะสวรรค์หรือเพื่อการลงทุนในตลาดท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต ผู้ซื้อชาวไทยมีข้อได้เปรียบจากสิทธิ์การถือครองที่ดินอย่างเต็มที่ และสามารถใช้ประโยชน์จากราคาที่ดิน-บ้านสมุยที่ยังคุ้มค่าเมื่อเทียบกับศักยภาพในอนาคต รวมถึงอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่าที่สูงเกินค่าเฉลี่ย การตัดสินใจลงทุนย่อมต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมในหลายด้านดังที่กล่าวมา
ท้ายที่สุดแล้ว บ้านในสมุยที่ “ใช่” สำหรับแต่ละคนย่อมต่างกันไปตามรสนิยม งบประมาณ และเป้าหมายส่วนบุคคล ขอให้ผู้สนใจทุกท่านได้พบกับบ้านที่ตอบโจทย์ความฝันของตนเองบนเกาะสมุย และอย่าลืมว่าเนื้อหาบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ข้อมูลขั้นต้นเท่านั้น ควรตรวจสอบรายละเอียดเฉพาะของทรัพย์สินและเงื่อนไขการซื้อขายจริงอีกครั้งก่อนทำสัญญา
เมื่อเตรียมตัวมาดีแล้ว ท่านก็สามารถก้าวสู่การเป็นเจ้าของบ้านในเกาะสมุยอย่างมั่นใจ พร้อมทั้งดื่มด่ำกับวิถีชีวิตบนเกาะที่ทั้งผ่อนคลายและมีสีสันได้ทันที และหากต้องการค้นหาบ้านในทำเลต่างๆ ของสมุยเพิ่มเติม ปัจจุบันก็มีแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายที่ช่วยให้เปรียบเทียบตัวเลือกได้สะดวก อาทิ ประกาศขายบ้านในเกาะสมุยบนเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง DotProperty ที่รวบรวมทรัพย์หลากหลายระดับราคาไว้ในที่เดียว สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนและมีความสุขกับการใช้ชีวิตบนเกาะสมุย “ไข่มุกแห่งอ่าวไทย” แห่งนี้อย่างเต็มที่

เลอ เซแลส พระราม9 ศรีนครินทร์

การ์เด้นคอนโด หัวหมาก

ดีลักซ์ คอนโดมิเนียม